แนวข้อสอบ ต่าง ๆ
วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556
สรุป พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547
|
|
แนวข้อสอบ ป.อาญา
ข้อสอบกฎหมายอาญา ขอแค่คำขอบคุณจากผองเพื่อนพี่น้อง
1. นางดาวทำร้ายร่างกายนายเดือนจนได้รับอันตรายแก่กาย พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวน จึงจับกุมนางดาวเป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย นางดาวกลัวจะติดคุกจึงขอให้พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเจ้าของคดีช่วยเหลือตนโดยเสนอเงินให้ห้าแสนบาท เพื่อเป็นค่าทำพยานหลักฐานให้อ่อนช่วยนางดาวให้พ้นผิด ทำให้พันตำรวจโทเอกชัยโกรธจึงแกล้งเปลี่ยนข้อหาเป็นพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วทำสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องเสนอพนักงานอัยการ ต่อมาพนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอฟ้องให้ศาลลงโทษ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนางดาว ให้วินิจฉัยว่า นางดาวและพันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. นางดาวมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามป.อาญา มาตรา 167 พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 200 วรรคสอง
ข. นางดาวมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามป.อาญา มาตรา 167 พันตำรวจโทเอกชัย ไม่มีความผิด เพราะข้อหาไม่ใช่ฐานความผิด
ค. นางดาวไม่มีความผิดฐานฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน เพราะไม่ได้มอบเงินให้จริง ๆ พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 200 วรรคสอง
ง. ไม่มีผู้ใดกระทำความผิด
2. นายใหญ่ตระเตรียมวางแผนฆ่านายอ้วน โดยจะใช้อาวุธปืนสองกระบอกของตน แต่อาวุธปืนที่จะใช้ในการฆ่าได้ถูกคนร้ายลักไปก่อนโดยนายใหญ่ไม่ทราบ นายเล็กต้องการให้นายอ้วนตายเช่นกัน จึงแอบเอาอาวุธปืนของตนไปไว้ที่บ้านนายใหญ่โดยประสงค์ให้นายใหญ่ใช้ยิงนายอ้วนโดยนายเล็กไม่รู้ว่าอาวุธปืนกระบอกนั้นมีผู้แอบเอากระสุนออกจนหมดแล้ว นายน้อยต้องการให้นายอ้วนตายเช่นกัน จึงเอาอาวุธปืนของตนไปไว้ที่บ้านนายใหญ่โดยประสงค์ให้นายใหญ่ใช้ยิงนายอ้วน ต่อมานายใหญ่เห็นอาวุธปืนทั้งสองกระบอกของนายเล็กและนายน้อยวางอยู่ นายใหญ่เข้าใจว่าเป็นอาวุธปืนสองกระบอกของตน นายใหญ่ได้หยิบอาวุธปืนของนายเล็กและเมื่อพบนายอ้วนได้ใช้อาวุธปืนกระบอกนั้นจ้องเล็งจะยิงนายอ้วน ให้วินิจฉัยว่า นายใหญ่ นายเล็กและนายน้อยมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วน นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุน
ข. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วน นายเล็กและนายน้อยไม่ผิดฐานผู้สนับสนุน
ค. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วนเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายเล็กผิดฐานผู้สนับสนุน ส่วนนายน้อยไม่มีความผิด
ง. นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุนเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุน
3. นายชมว่าจ้างนายชิตให้ไปฆ่านายใส นายชิตตกลงทำตาม แต่ก่อนที่จะไปฆ่า นายชิตเกิดป่วยกะทันหัน นายชิตจึงไปว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตน เมื่อนายชื่นจ้องเล็งปืนจะยิงนายใส นายชมเกิดสำนึกผิดจึงวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุและปัดปืน ทำให้ปืนตกลงไปในน้ำ ให้วินิจฉัยว่า นายชื่น นายชิต นายชม ต้องรับผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตผิดฐานผู้ใช้ นายชม ไม่มีความผิด
ข. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตไม่มีความผิด นายชม ผิดฐานผู้ใช้
ค. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตผิดฐานผู้ใช้รับโทษเช่นตัวการ นายชม ผิดฐานผู้ใช้รับโทญเพียงหนึ่งในสาม
ง. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิต และนายชม ผิดฐานผู้ใช้รับโทษเพียงหนึ่งในสาม
4. นายแดงเป็นคนไทยอยู่ต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเป็นภาษาอังกฤษที่สถานทูตไทย ให้นายดำไปดำเนินการให้เช่าที่ดินของตนที่อยู่ในประเทศไทย แต่นายดำไม่สามารถหาผู้เช่าได้ มีแต่ผู้ต้องการซื้อ นายดำจึงได้ดำเนินการขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้นายเขียวโดยแปลหนังสือมอบอำนาจของนายแดงเป็นภาษาไทย โดยเพิ่มเติมข้อความในคำแปลว่า นายแดงมอบอำนาจให้นายดำดำเนินการขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ด้วย แล้วนำหนังสือมอบอำนาจฉบับภาษาอังกฤษและคำแปลภาษาไทยไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขาย เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินสอบถาม นายดำก็ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า นายแดงมอบอำนาจให้นายดำให้เช่าหรือขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เจ้าพนักงานที่ดินได้จดถ้อยคำดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานและดำเนินการจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดินให้โดยให้นายดำลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายด้วยจากนั้นนายดำได้ส่งเงินค่าขายที่ดินทั้งหมดให้นายแดงให้วินิจฉัยว่า นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. นายดำผิดฐานปลอมเอกสาร และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข. นายดำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ค. นายดำผิดฐานปลอมเอกสาร แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ง. นายดำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
5. ระหว่างที่นายกบกับนายเขียดเดินเล่นอยู่ในสวนจตุจักร นายกบเหลือบไปเห็นนายปลาทำนาฬิกาหล่นจึงรีบเดินเข้าไปเก็บ โดยนายเขียดไม่คาดคิดมาก่อนว่านายกบจะทำเช่นนั้น ส่วนนายปลาเมื่อเดินไปได้ไม่ไกลทราบว่านาฬิกาหล่นหายไปจึงเดินกลับมายังจุดที่นายกบและนายเขียดยืนอยู่ เมื่อนายกบเห็นนายปลาเดินกลับมาจึงได้ส่งนาฬิกาให้นายเขียดนำออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อนายปลาเดินมาถึงสอบถามว่านายกบเห็นนาฬิกาหรือไม่ นายกบตอบว่าไม่เห็น แล้วมองตามหลังนายเขียดไป นายปลาเชื่อว่านายเขียดเอานาฬิกาไป จึงวิ่งตามไปร้องตะโกนว่า "ขโมย ๆ" นายเขียดจึงชกปากนายปลาอย่างแรงแล้วหนีไป ปรากฏว่านายปลาปากแตก ฟันหักสี่ซี่ ให้วินิจฉัยว่า นายกบและนายเขียดมีความผิดฐานใดบ้าง (เนติ56)
ก. นายกบผิดฐานยักยอกทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและทำร้ายร่างกายสาหัส
ข. นายกบผิดฐานยักยอกทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและชิงทรัพย์
ค. นายกบผิดฐานลักทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและทำร้ายร่างกายสาหัส
ง. นายกบและนายเขียดผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ นายเขียดผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัสอีกด้วย
6. ขณะที่เด็กชายตุ๋ยอายุ 5 ปี กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าในบริเวณรั้วบ้านของนางระเบียบซึ่งเป็นมารดา นายสังเวชซึ่งประสบภาวะการขาดทุนทางการค้าได้เข้าไปอุ้มเด็กชายตุ๋ยไปโดยเด็กชายตุ๋ยยอมไปด้วย จากนั้นนายสังเวชโทรศัพท์ไปถึงนางระเบียบมารดาของเด็กชายตุ๋ย ให้นำเงิน 500,000 บาทใส่ถุงกระดาษไปวางไว้ ณ โบสถ์แห่งหนึ่ง เมื่อได้รับเงินแล้วจะนำตัวเด็กชายตุ๋ยไปส่งคืน นางระเบียบจำเสียงนายสังเวชได้แต่ก็ตอบตกลงและนำเงินไปส่งมอบ ณ สถานที่นัดไว้ เมื่อได้ตัวเด็กชายตุ๋ยคืนมาแล้ว จึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับนายสังเวชได้พร้อมกับเงินของกลางให้วินิจฉัยว่า นายสังเวชมีความผิดฐานใดบ้าง (เนติ56)
ก. นายสังเวชผิดฐานเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ และบุกรุก
ข. นายสังเวชผิดฐานเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์
ค. นายสังเวชผิดฐานพยายามเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ และบุกรุก
ง. นายสังเวชผิดฐานพยายามเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์
7. นายต้นถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา นายต้นกลัวว่า ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุก จึงไปปรึกษานายส่งซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำหน้าที่เก็บสำนวนคดีอยู่ที่ศาลนั้นซึ่งรู้จักกันมาก่อน นายส่งได้พูดว่ารู้จักผู้พิพากษาในคดีที่นายต้นถูกฟ้อง เคยเสนอสำนวนให้ท่านพิจารณา หากนายต้นให้เงินตน 100,000 บาท ก็จะขอให้ศาลพิพากษารอการลงโทษแก่นายต้น แต่นายส่งมิได้ระบุชื่อผู้พิพากษา นายต้นจึงมอบเงินจำนวน 100,000 บาท แก่นายส่ง ต่อมาศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายต้น นายต้นจึงทราบว่านายส่งมิได้วิ่งเต้นให้ตนเลย เพราะนายส่งไม่เคยรู้จักผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เหตุที่นายส่งแอบอ้างเพราะเข้าใจว่าคดีประเภทนี้ศาลมักจะรอการลงโทษอยู่แล้ว นายต้นจึงไปต่อว่านายส่งว่าทำให้ตนเสียหายต้องโทษจำคุกและขอเงินคืน นายส่งอ้างว่ามิได้กระทำความผิดแต่อย่างใดและไม่ยอมคืนเงิน 100,000 บาทให้ ให้วินิจฉัยว่า นายส่งจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ และเงินจำนวน 100,000 บาท จะริบได้หรือไม่ (เนติ57)
ก. นายส่งไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เรียกรับ และจะริบเงินไม่ได้
ข. นายส่งไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เรียกรับ แต่ขอริบเงินได้ เพราะนายส่งไม่มีสิทธิยึดถือไว้
ค. นายส่งมีความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจ ม.143 แต่จะขอริบเงินไม่ได้
ง. นายส่งมีความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจ ม.143 และขอริบเงินได้
8. นายชมต้องการฆ่านายชัย จึงส่งจดหมายไปถึงนายชิตมือปืนรับจ้างให้ฆ่านายชัย ต่อมานายชมเปลี่ยนใจไม่ต้องการฆ่านายชัยโดยเพียงต้องการทำร้ายเท่านั้น จึงส่งจดหมายอีกฉบับหนึ่งถึงนายชิตมีใจความว่า ขอยกเลิกข้อความในจดหมายฉบับแรกทั้งหมดและให้นายชิตไปคอยดักทำร้ายนายชัย ปรากฏว่าจดหมายฉบับแรกหายกลางทางไปไม่ถึงมือนายชิต แต่นายชิตได้รับจดหมายฉบับที่สอง โดยไม่รู้เรื่องในจดหมายฉบับแรกเลย และได้ไปคอยดักทำร้ายนายชัยตามที่นายชมว่าจ้าง เมื่อนายชัยเดินทางมาถึง นายชิตซึ่งแอบอยู่ก็ตรงเข้าใช้ไม้ตีทำร้ายนายชัย เป็นเหตุให้นายชัยล้มลงศีรษะฟาดพื้นถึงแก่ความตาย ให้วินิจฉัยว่า นายชิตและนายชมมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. นายชม ผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกรับโทษหนึ่งในสาม ครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ข. นายชม ไม่ผิดฐานผู้ใช้ในครั้งแรกเพราะนายชิตไม่รู้การใช้ แต่ผิดผู้ใช้ในครั้งที่สองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ค. นายชมผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกและครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ง. นายชมผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกและครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
9. นายอ้วนกับนายผอมเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน วันเกิดเหตุนายอ้วนไปท้าทายนายผอมโดยพูดว่า "มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัว ถ้าแน่จริง" นายผอมเดินออกจากบ้านไปพบนายอ้วนโดยพกอาวุธปืนสั้นไปด้วย นายอ้วนชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงนายผอม จึงถูกนายผอมใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงในระยะ 2 เมตร ถูกนายอ้วนที่หน้าอกจำนวน3 นัด นายอ้วนได้รับอันตรายสาหัสให้วินิจฉัยว่า นายผอมมีความผิดฐานใดหรือไม่ และนายผอมจะอ้างเหตุว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำโดยบันดาลโทสะได้หรือไม่ (เนติ57)
ก. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันและบันดาลโทสะไม่ได้
ข. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันได้ แต่อ้างบันดาลโทสะไม่ได้
ค. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันไม่ได้ แต่บันดาลโทสะได้
ง. นายผอมผิดทำร้ายร่างกายสาหัส เพราะมีเจตนาทำร้าย แต่อ้างป้องกันและบันดาลโทสะไม่ได้
10. นายดำเป็นลูกจ้างมีหน้าที่รับและจ่ายเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดแดงก่อสร้าง ซึ่งมีนายแดงเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายเขียวลูกหนี้ของห้างฯ สั่งจ่ายเช็คของธนาคารแห่งหนึ่งให้แก่ห้างฯ เพื่อชำระหนี้ โดยนำเช็คไปมอบให้นายดำ นายดำเห็นว่านายแดงไม่อยู่ที่ห้างฯ จึงลงลายมือชื่อของนายดำด้านหลังเช็คแล้วนำตราของห้างฯประทับกำกับลายมือชื่อของนายดำ เพื่อให้พนักงานธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนห้างฯ และจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่านายดำป่วยจึงไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามที่ตั้งใจไว้ นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. พยายามลักทรัพย์ ข. พยายามฉ้อโกง
ค. ปลอมแปลงเอกสาร ง. ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
11. นายแสบไม่พอใจนายรวยเจ้าหนี้เงินกู้ของตน จึงแอบเข้าไปลักทรัพย์ของนายรวยบริเวณแพริมน้ำซึ่งนายรวยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แหวนเพชรมาหนึ่งวง ในขณะที่นายแสบจะลงจากแพได้เหลือบไปเห็นเงาคนกำลังแอบดูตนอยู่ นายแสบเชื่อว่าเป็นนายรวยและจำตนได้ เพราะตรงบริเวณนั้นมีแสงสว่างจากดวงไฟ แม้จะเป็นคืนข้างแรมก็ตาม เมื่อนายแสบกลับถึงบ้านแล้ว จึงทราบว่าเป็นแหวนของตนเอง ที่จำนำไว้แก่นายรวย นายแสบรู้สึกโกรธและเกรงว่าจะถูกนายรวยแจ้งความ นำเจ้าพนักงานตำรวจมาจับกุมตน จึงได้นำอาวุธปืนไปดักซุ่มยิงนายรวยจนถึงแก่ความตายให้วินิจฉัยว่า นายแสบมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. ผิดฐานลักทรัพย์ บุกรุก และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ข. ผิดฐาน บุกรุก โกงเจ้าหนี้ และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ค. ผิดฐานบุกรุก และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ง. ผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
12. นายชายหลงรักนางสาวหญิง แต่นางสาวหญิงไม่สนใจ คืนวันหนึ่งนายชายเดินผ่านหน้าบ้านนางสาวหญิงเห็นนางสาวหญิงอยู่บ้านคนเดียวจึงเข้าไปหาเพื่อจะลวนลาม นางสาวหญิงตกใจร้องเรียกให้คนช่วย นายชายจึงขู่ไม่ให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย นางสาวหญิงกลัวจึงหยุดร้องแต่ในขณะนั้นเองสร้อยข้อมือที่นางสาวหญิงใส่อยู่ขาดตกลงบนพื้นนายชายเห็นสร้อยข้อมือของนางสาวหญิงตก จึงก้มลงหยิบแล้วหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายชายมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และ ลักทรัพย์
ข. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และ ชิงทรัพย์
ค. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ , ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ลักทรัพย์
ง. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ , ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ชิงทรัพย์
13. นายหาญขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปตามถนนพบนายหินเจ้าหนี้เงินกู้ของตนกำลังขับ รถยนต์กระบะอยู่ข้างหน้าโดยบังเอิญ นายหาญเกลียดนายหินซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้หน้าเลือด จึงขับรถไล่ตามไปด้วยความเร็วสูงและตั้งใจว่าจะขับรถเบียดชนรถของนายหินให้ตกลงไปในลำคลองข้างถนนเพื่อให้นายหินจมน้ำตายโดยทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ขณะที่รถคันที่นายหาญขับขี่ใกล้จะเบียดชนรถคันที่นายหินขับขี่ ยางรถคันที่นายหาญขับขี่ได้ทับตะปูและระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้รถเสียหลักไม่ชนรถคันที่นายหินขับขี่ แต่ได้แล่นข้ามเกาะกลางถนนไปยังฝั่งตรงกันข้ามพุ่งเข้าชนตึกร้านค้าของนายหวยอย่างแรงจนตัวตึกได้รับความเสียหายอย่างมาก ขณะนั้นนายหวยซึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงตึกชั้นสามเห็นเหตุการณ์พอดีและกลัวว่าตึกจะถล่มทำให้ตนตกลงไปถึงแก่ความตาย จึงได้กระโดดลงจากตึกดังกล่าวเป็นเหตุให้ศีรษะของนายหวยกระแทกกับพื้นดินและถึงแก่ความตายทันที หลังจากนั้นอีกสองวันตึกร้านค้าของนายหวยจึงได้ทรุดตัวพังทลายลงมา ให้วินิจฉัยว่านายหาญจะมีความผิดฐานต่อกรณีนายหิน หรือไม่ (อัยการ48)
ก. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะยังไม่ได้ลงมือกระทำผิด
ข. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะยังไม่เกิดความเสียหายต่อนายหิน
ค. รับผิดฐานฐานฆ่าผู้อื่น แต่ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของตึกร้านค้า เพราะเป็นอุบัติเหตุ
ง. รับผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามทำให้เสียทรัพย์
14. ตามข้อที่แล้ว ให้วินิจฉัยว่านายหาญจะมีความผิดฐานต่อกรณีนายหวย หรือไม่ (อัยการ48)
ก. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะเป็นกรณีอุบัติเหตุ
ข. ไม่ต้องรับผิดกรณีความตายของนายหวย แต่รับผิดในความเสียหายของตึกร้านค้าของนายหวย
ค. รับผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์
ง. รับผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามทำให้เสียทรัพย์
15. นายโทนประสงค์จะฆ่านายฉิ่ง แต่ไม่กล้าที่จะทำด้วยตนเอง และรู้ว่านายฉาบเป็นคนโมโหร้ายและหึงหวงภรรยา นายโทนจึงไปหานายฉาบและกล่าวเท็จว่าภรรยานายฉาบเป็นชู้กับนายฉิ่ง โดยหวังว่านายฉาบคงจะโกรธแล้วไปฆ่านายฉิ่ง เมื่อนายฉาบรู้เรื่องเท็จที่นายโทนเล่าให้ฟังจึงโกรธนายฉิ่งและต้องการฆ่านายฉิ่ง แต่นายฉาบไม่มีอาวุธปืนจึงไปเล่าเจตนาที่จะฆ่านายฉิ่งให้นายกลองฟัง และขอยืมอาวุธปืนของนายกลอง นายกลองต้องการให้นายฉิ่งตกใจกลัวจึงมอบอาวุธปืนและกระสุนปืนปลอมให้นายฉาบไป โดยไม่ได้บอกเรื่องกระสุนปืนปลอมให้นายฉาบรู้ นายฉาบเข้าใจว่าเป็นอาวุธปืนและกระสุนปืนจริง จึงนำอาวุธปืนและกระสุนปืนปลอมดังกล่าวไปยิงนายฉิ่ง กระสุนปืนถูกนายฉิ่ง แต่นายฉิ่งไม่ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจแต่อย่างใด เพียงแต่ตกใจและรู้สึกกลัว ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายโทน นายฉาบ นายกลอง จะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและเป็นผู้ใช้นายฉาบรับโทษเสมือนเป็นตัวการ สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนการกระทำการให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ไม่ต้องรับโทษ
ข. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้นายฉาบรับโทษเสมือนเป็นตัวการ สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนการกระทำการให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ไม่ต้องรับโทษ
ค. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและเป็นผู้ใช้นายฉาบรับโทษเสมือนเป็นตัวการ สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนนายฉาบฐานพยายามฆ่า
ง. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานหมิ่นประมาท สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนการกระทำการให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ไม่ต้องรับโทษ
16. ธนาคารกรุงสยามได้ออกบัตรเครดิตที่มีแถบแม่เหล็กบันทึกข้อมูลให้แก่นายเก่งเพื่อใช้เป็นบัตรที่สามารถซื้อสินค้าโดยใช้เครื่องรูดบัตรอัตโนมัติบันทึกรายการซื้อสินค้าโดยไม่ต้องจ่ายเงินสดหรือใช้เบิกเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติหรือจากธนาคารได้ ต่อมานายกาจพี่ชายของนายเก่งต้องการมีบัตรเครดิตใช้ โดยต้องการให้นายเก่งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจึงไปแจ้งต่อพนักงานธนาคาร กรุงสยามว่าตนเองคือนายเก่ง ทำบัตรเครดิตดังกล่าวหายไปเกรงว่าผู้อื่นจะนำไปใช้จึงขอยกเลิกการใช้บัตรเครดิตฉบับเดิม และขอให้ธนาคารออกบัตรเครดิตฉบับใหม่แทน พนักงานธนาคารกรุงสยาม หลงเชื่อจึงดำเนินการยกเลิกบัตรเครดิตฉบับเดิมและออกบัตรเครดิตฉบับใหม่ในชื่อของนายเก่งให้แก่นายกาจไป เป็นเหตุให้นายเก่งไม่สามารถใช้บัตรเครดิตฉบับเดิมได้ตามปกติ ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายกาจและพนักงานธนาคารกรุงสยามจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายกาจมีความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น พนักงานธนาคารไม่มีความผิด
ข. นายกาจมีความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานธนาคารไม่มีความผิด
ค. นายกาจมีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานธนาคารไม่มีความผิด
ง. นายกาจมีความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานธนาคารมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
17. ร้อยตำรวจตรีแดงไปที่บ้านของนายดำซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง เพื่อจับนายดำตามหมายจับในคดีดังกล่าว นายดำได้หลบหนีออกจากบ้านไปทางทิศใต้ นายขาวบิดาของนายดำต้องการช่วยเหลือนายดำจึงบอกร้อยตำรวจตรีแดงว่านายดำหลบหนีไปทางทิศเหนือ ร้อยตำรวจตรีแดงไม่เชื่อได้ติดตามไปทางทิศใต้แล้วจับกุมนายดำได้ ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายขาวมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายขาวมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข. นายขาวมีความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ โดยมีเจตนาเพื่อช่วยให้นายดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมและเพื่อไม่ให้ต้องโทษ
ค. นายขาวมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และกระทำด้วยประการใดๆ โดยมีเจตนาเพื่อช่วยให้นายดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมและเพื่อไม่ให้ต้องโทษ
ง. นายขาวมีความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ โดยมีเจตนาเพื่อช่วยให้นายดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาแต่ไม่ต้องโทษรับโทษ
18. นายสมบัติและนางสมศรีเคยอยู่กินฉันท์สามีภรรยากันมาก่อน แต่ปัจจุบันทั้งสองได้แยกทางกัน นายสมบัติต้องการเงินจำนวน 20,000 บาท จึงโทรศัพท์ไปหานางสมศรีและพูดขู่ให้ นางสมศรีส่งมอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้ มิฉะนั้นจะฆ่านางสาวสำรวยและขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลความสัมพันธ์ของนางสาวสำรวยกับนายกำธรว่าได้เสียกันอย่างลับๆ นางสาวสำรวยเป็นบุตรสาวของนางสมศรีที่เกิดกับนายสมคิดสามีเดิมที่เสียชีวิตไปแล้ว นางสมศรีกลัวจึงตกลงจะมอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้ แต่ขอผ่อนชำระเป็นจำนวน 2 งวด ๆ ละ 10,000 บาท โดยงวดแรกจะชำระให้ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ครั้นถึงกำหนดตามนัดนางสมศรีได้นำเงินจำนวน 10,000 บาทมาให้นายสมบัติ เมื่อพบกับนายสมบัติ นางสมศรีได้ต่อรองจำนวนเงินลดลงเหลือ 5,000 บาท ทำให้นายสมบัติโกรธ จึงใช้มือจับแขนของ นางสมศรีไว้ไม่ให้ขัดขืน แล้วล้วงเอาเงินจำนวน 10,000 บาทของนางสมศรีที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงไป ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายสมบัติจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายสมบัติมีความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์
ข. นายสมบัติมีความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์ และ ชิงทรัพย์
ค. นายสมบัติมีความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ และ ชิงทรัพย์
ง. นายสมบัติมีความผิดฐานพยายามกรรโชกและพยายามรีดเอาทรัพย์ และ ชิงทรัพย์
19. นางอรจดทะเบียนสมรสแล้วตั้งครรภ์กับสามีได้ 6 เดือน นายแพทย์เดชตรวจครรภ์โดยละเอียดแล้วพบว่าทารกในครรภ์นางอรมีความพิการ ตาบอด 2 ข้าง แขนด้วน 2 ข้าง และระบบการทำงานของหัวใจผิดปกติ ไม่อาจรักษาได้ หากคลอดออกมาไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง และจะมีชีวิตรอดไม่เกิน 1 ปี ประกอบกับนางอรมีฐานะยากจน จึงขอร้องให้นายแพทย์เดชทำแท้งให้ เมื่อนายแพทย์เดชทำแท้งให้นางอรแล้ว ทำให้นางอรไม่สามารถมีบุตรได้อีกตลอดชีวิต ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านางอรและนายแพทย์เดชจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม แต่ไม่ต้องรับโทษ
ข. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก แต่ไม่ต้องรับโทษ นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม
ค. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ซึ่งทั้งสองไม่ต้องรับโทษ
ง. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม เป็นเหตุให้หญิงได้รับอันตรายสาหัส
20. ร้อยตำรวจเอกสมยศ รองสารวัตรสอบสวนออกตรวจท้องที่ โดยมีนายสา ราษฎรซึ่งเป็นสายลับของร้อยตำรวจเอกสมยศแต่งกายคล้ายตำรวจพกอาวุธปืนและกุญแจมือติดตามไปด้วย นายสาพบนายทับคู่อริซึ่งเคยขายยาบ้า จึงเข้าทำการจับกุมตรวจค้นตัว และใส่กุญแจมืออย่างตำรวจ นายทับวิ่งหนี นายสาจึงใช้อาวุธปืนที่นำติดตัวมายิงนายทับตาย ร้อยตำรวจเอกสมยศจะจับนายสา นายสากลัวความผิดจึงขอร้องให้ร้อยตำรวจเอกสมยศช่วยตนโดยทวงบุญคุณที่นายสาเคยช่วยเหลือไว้ ร้อยตำรวจเอกสมยศจึงช่วยนายสาโกยเลือดนายทับที่อยู่ในที่เกิดเหตุและนำศพนายทับบรรทุกรถยนต์ไปทิ้งที่อื่นเพื่ออำพรางคดีให้วินิจฉัยว่า นายสาและร้อยตำรวจเอกสมยศจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใด หรือไม่ (เนติ59)
ก. นายสามีความผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานและผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย
ข. ร้อยตำรวจเอกสมยศ มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง
ค. ร้อยตำรวจเอกสมยศ มีความผิดฐานทำลายพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง และฐานย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย
ง. ถูกทุกข้อ
21. นางสายจ้างนายบ่ายไปฆ่านายเช้าสามีเพราะนายเช้าไปอยู่กินกับหญิงอื่น นางเย็นน้องสาวนางสายให้นายบ่ายยืมอาวุธปืนไปใช้ยิงนายเช้า นายบ่ายไปดักยิงนายเช้า เมื่อนายเช้าเดินผ่านมา นายบ่ายชักอาวุธปืนออกจากเอวเพื่อจะยิง แต่นายบ่ายเห็นว่านายเช้าแก่มากแล้วจึงเกิดความสงสารและเปลี่ยนใจไม่ยิงให้วินิจฉัยว่า นางสาย นายบ่ายและนางเย็นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายบ่ายไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางเย็นมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายบ่าย
ข. นายบ่ายไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางเย็นก็ไม่มีความผิด
ค. นายบ่ายมีความผิดฐานพยายามฆ่า นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้นายบ่ายรับโทษเหมือนตัวการ นางเย็นมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายบ่าย
ง. นายบ่ายมีความผิดฐานพยายามฆ่า แต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะเป็นการยับยั้งเสียเอง นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางเย็นมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายบ่าย
22. นายหนึ่งต้องการฆ่านายสองจึงไปดักซุ่มยิงนายสอง เมื่อนายสองมาถึงจุดที่นายหนึ่งดักซุ่มอยู่ในระยะห่างประมาณ 20 เมตร นายหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนายสองหลายนัด กระสุนปืนนัดแรกถูกบริเวณคอด้านหน้าขวาและบริเวณชายโครงขวาด้านหน้า ทั้งสองแห่งมีบาดแผลขนาด 0.5 เซนติเมตร ไม่มีความลึก ซึ่งเป็นบาดแผลที่รักษาหายภายใน 7 วัน ทั้งนี้เพราะกระสุนปืนไม่มีความรุนแรงที่จะทำให้นายสองตายได้เพราะอาวุธปืนกำลังอ่อน ปรากฏว่ากระสุนปืนอีกนัดหนึ่งเลยไปถูกนายสามที่ใบหน้าเป็นเหตุให้ดวงตาข้างซ้ายปิดบวมช้ำ ต่อมาอีก 5 วันดวงตาข้างซ้ายนั้นบอดให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด
ข. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายสองและผิดฐานทำร้ายร่างกายนายสามเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสโดยพลาด
ค. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้และผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้โดยพลาด
ง. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้และผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด
23. นายเดชตัดเลขหมายประจำแชสซีของรถยนต์โตโยต้าออก แล้วตัดเลขหมายประจำแชสซีของรถยนต์ฮอนด้ามาเชื่อมต่อไว้แทน เอาป้ายทะเบียนรถยนต์ฮอนด้าที่ทางราชการออกให้ไปติดใช้กับรถยนต์โตโยต้าซึ่งป้ายทะเบียนหลุดตกหายไป และเอาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีที่แท้จริงของรถยนต์ฮอนด้าไปติดไว้ที่กระจกหน้ารถยนต์โตโยต้าซึ่งมิได้เสียภาษีรถยนต์ประจำปี แล้วนำรถยนต์โตโยต้าไปใช้งานเพื่อให้คนหลงเชื่อว่ารถยนต์โตโยต้าคันดังกล่าวมีเลขหมายประจำแชสซี หมายเลขป้ายทะเบียนตามที่นายเดชทำและเสียภาษีรถยนต์ประจำปีถูกต้องแล้วให้วินิจฉัยว่า นายเดชมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายเดชไม่มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารและปลอมเอกสารราชการ
ข. นายเดชไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ แต่ผิดฐานใช้เอกสารเท็จ
ค. นายเดชมีความผิดฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ
ง. นายเดชมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารและปลอมเอกสารราชการ
24. นายแก่น นายกล้า และนายเขียววางแผนจะไปปล้นทรัพย์ที่บ้านนายรวยโดยตกลงกันว่า ให้นายแก่นเป็นผู้เข้าไปควบคุมและทำร้ายนายรวย เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ หากขัดขืนก็ให้ฆ่านายรวยได้ คืนต่อมาทั้งสามคนได้เข้าไปในบ้านของนายรวย นายแก่นตามหานายรวยไม่พบ เพราะนายรวยแอบไปอยู่บนหลังคาบ้านเมื่อนายกล้าและนายเขียวเอาทรัพย์ไปจนเป็นที่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะออกจากบริเวณบ้าน สุนัขของนายรวยเห่านายแก่นกับพวก นายแก่นจึงเอาอาวุธมีดที่นำติดตัวไปด้วย ฟันสุนัขของนายรวยตายให้วินิจฉัยว่า นายแก่น นายกล้า และนายเขียวมีความผิดฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. ผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธในเคหสถานและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
ข. ผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ ร่วมกันบุกรุก
ค. ผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกันบุกรุก
ง. ผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธในเคหสถาน,ร่วมกันบุกรุกและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
25. นายมืดแอบเข้าไปลักโคของนายขาวจากฝูงในขณะที่นายขาวเผลอ หลังจากที่นายมืดลักโคไปได้ประมาณ 10 นาที นายขาวทราบจึงออกติดตามไปในทันที อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ตามไปทัน นายมืดใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อไม่ให้นายขาวติดตาม โคของนายขาวตกใจเพราะเสียงปืนจึงวิ่งหนีเข้าไปในป่าบริเวณนั้น ส่วนนายมืดหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง นายขาวตามหาโคอยู่หลายวันแต่ไม่พบ นายเหลี่ยมเพื่อนบ้านจึงหลอกนายขาวว่าตนทราบว่านายมืดนำโคไปซ่อนไว้ ณ ที่ใด หากนายขาวประสงค์จะได้โคคืน จะต้องนำเงินค่าไถ่ไปให้นายมืด 5,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วนายเหลี่ยมไม่ทราบว่าโคอยู่ ณ ที่ใด และไม่เคยรู้จักนายมืด นายขาวหลงเชื่อ จึงมอบเงินให้นายเหลี่ยมไปให้วินิจฉัยว่า นายมืดและนายเหลี่ยมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายมืดผิดฐานลักทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานเรียกค่าไถ่
ข. นายมืดผิดฐานชิงทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานเรียกค่าไถ่
ค. นายมืดผิดฐานชิงทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานฉ้อโกง
ง. นายมืดผิดฐานชิงทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานรับของโจร
26. นายช้างประสงค์จะฆ่านายสิงห์จึงติดต่อนายเสือให้ไปว่าจ้างคนมายิงนายสิงห์ นายเสือไปติดต่อพานายไก่และนายเป็ดมาพบนายช้าง นายช้างมอบอาวุธปืนให้นายไก่และนายเป็ดคนละ 1 กระบอก แล้วพานายเสือ นายไก่ และนายเป็ดไปดูตัวนายสิงห์จนจำได้ เช้าวันรุ่งขึ้น นายไก่และนายเป็ดร่วมกันนำอาวุธปืนที่ได้รับจากนายช้างไปแอบซุ่มยิงนายสิงห์จนถึงแก่ความตายโดยขณะที่นายไก่และนายเป็ดยิงนายสิงห์นั้น นายเสือยืนดูอยู่คนละฝั่งถนนและไม่มีอาวุธติดตัว เมื่อนายไก่และนายเป็ดยิงนายสิงห์แล้ว นายเสือซึ่งชำนาญเส้นทางในบริเวณนั้นวิ่งนำพานายไก่และนายเป็ดหลบหนีไป ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า นายช้าง นายเสือ นายไก่ และนายเป็ด มีความผิดฐานใด (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ นายเสือผิดฐานเป็นผู้ใช้ ไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ข. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ นายเสือผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ค. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ และเป็นผู้สนับสนุนด้วย นายเสือผิดฐานเป็นผู้ใช้
ง. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ นายเสือผิดฐานเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนด้วย
27. นายเดชเป็นปลัดอำเภอได้รับคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอ และได้รับมอบหมายจากนายอำเภอให้รับผิดชอบฝ่ายทะเบียนและบัตร มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งย้ายเข้า แจ้งย้ายออก และทำบัตรประจำตัวประชาชน นายม้งเป็นชาวเขามาติดต่อขอให้นายเดชเพิ่มเติมชื่อนายม้งลงในทะเบียนบ้านของนายไทย กับทำบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่นายม้ง โดยนายม้งจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินแก่นายเดช นายเดชตกลงยอมเพิ่มเติมชื่อนายม้งลงในทะเบียนบ้านของนายไทยฉบับเจ้าบ้านและฉบับอำเภอโดยไม่มีใบแจ้งการย้ายออก นายเดชเป็นผู้กรอกข้อความและลงลายมือชื่อรับรองในเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งทำใบคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาซนและเขียนข้อความลงในเอกสารแบบการให้เลขประจำตัวประชาชนแก่บุคคลที่ได้รับการเพิ่มชื่อ จากนั้นนายเดชได้มอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านคืนให้แก่นายไทยเก็บรักษาไว้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการอ้างอิง ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายม้งและนายเดชเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายเดชผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และรับรองหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
ข. นายเดชผิดฐาน ปลอมเอกสารราชการ เป็นเจ้าพนักงานอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และรับรองหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตาม ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
ค. นายเดชผิดฐาน ปลอมเอกสารราชการ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
ง. นายเดชผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และรับรองหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
28. นายอาทิตย์รักใคร่ชอบพอกับเด็กหญิงดาราอายุ 14 ปี จึงออกอุบายให้เด็กหญิงดาราบอกบิดามารดาว่าต้องไปโรงเรียนในวันเสาร์เพราะมีกิจกรรมพิเศษแล้วโทรศัพท์นัดพบเด็กหญิงดาราที่ศูนย์การค้า จากนั้นจึงพาเด็กหญิงดาราไปโรงแรมแล้วร่วมประเวณีกันขณะที่นายอาทิตย์กับเด็กหญิงดาราจะออกจากโรงแรม นายจันทร์มาพบเข้าจึงอาสาพาเด็กหญิงดาราไปส่งบ้านตามลำพัง ระหว่างทางนายจันทร์ได้แวะโทรศัพท์ไปที่บ้านของเด็กหญิงดาราแต่ไม่มีผู้รับสาย นายจันทร์จึงพูดฝากข้อความไว้ในเครื่องรับโทรศัพท์อัตโนมัติของบ้านเด็กหญิงดาราว่าเด็กหญิงดาราถูกจับตัวไป หากประสงค์ได้ตัวคืนให้นำเงิน 100,000 บาท ไปไว้ในตู้โทรศัพท์ของศูนย์การค้าตามกำหนดนัด แล้วจะปล่อยตัวไป หลังจากนั้นนายจันทร์ได้พาเด็กหญิงดาราไปรอรับเงินที่บ้านของนายอังคาร โดยนำกุญแจล็อกประตูห้องขังเด็กหญิงดาราไว้ในห้อง นายอังคารช่วยหาอาหารให้เด็กหญิงดารารับประทาน ต่อมานายอังคารเกิดความสงสารเด็กหญิงดาราจึงแอบไขกุญแจเปิดประตูห้องและกระซิบบอกทางกลับบ้านให้ เด็กหญิงดาราจึงหลบหนีมาได้ ให้วินิจฉัยว่า นายอาทิตย์ นายจันทร์และนายอังคาร มีความผิดอาญาฐานใด (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายอาทิตย์ผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร ,กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และฐานเอาตัวเด็กอายยังไม่เกิน 15 ปีไปและหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ข. นายอาทิตย์ผิดฐาน กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และฐานเอาตัวเด็กอายยังไม่เกิน 15 ปีไปและหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ค. นายอาทิตย์ผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และฐานเอาตัวเด็กอายยังไม่เกิน 15 ปีไปและหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ง. นายอาทิตย์ผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร ,กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
29. นายเจียงกับนายชาติเป็นคู่อริกัน นายเจียงสังเกตว่าทุกเช้านายชาติจะขับรถยนต์ไปทำงานโดยผ่านทุ่งนาเปลี่ยวและต้องข้ามสะพานข้ามคลองแห่งเดียวในย่านนั้น นายเจียงจึงวางแผนว่าในวันที่ 1 มิถุนายน 2545 เวลาเช้าจะใช้ปืนยิงนายชาติขณะขับรถยนต์ข้ามสะพานดังกล่าว นายเจียงเล่าแผนการให้นางศรีภริยาฟัง นางศรีไม่ทัดทาน ในเวลาเดียวกันนายเทพซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายเจียงได้แอบล่วงรู้แผนการดังกล่าวและต้องการฆ่านายชาติเช่นกันเมื่อถึงวันที่กำหนดนายชาติขับรถยนต์ไปทำงานตามปกติ นายเจียงขับรถจักรยานยนต์ตามนายชาติไป ขณะที่นายชาติลดความเร็วรถยนต์เพื่อลงสะพาน นายเจียงได้โอกาสจึงยกปืนขึ้นเล็งไปยังนายชาติ นายเทพซึ่งซุ่มอยู่บริเวณคอสะพานห่างจากนายเจียงเพียง 20 เมตร เห็นดังนั้นจึงรีบโทรศัพท์ถึงนายชาติเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นายชาติรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นพูดไม่ทันระวังตัวจึงถูกนายเจียงยิงถูกที่หัวไหล่ได้รับบาดเจ็บ นายเจียงจะยิงซ้ำ แต่กระสุนขัดลำกล้องประกอบกับมีรถแล่นสวนทางมา นายเจียงและนายเทพจึงหลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่า บุคคลใดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายเจียงและนายเทพผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนางศรีไม่มีความผิดใด
ข. นายเจียงผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเทพผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายเจียง ส่วนนางศรีผิดฐานไม่แจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานทราบ
ค. นายเจียงผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเทพผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายเจียง ส่วนนางศรีไม่มีความผิดใด
ง. นายเจียงผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเทพผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายเจียง ส่วนนางศรีผิดฐานไม่แจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานทราบ
30. นายดำโกรธแค้นนายขาว ได้ลอบเข้าไปในบ้านนายขาว นายดำไม่เห็นนายขาวแต่ได้ยินเสียงนายขาวกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้าน นายดำจึงใช้ปืนพกขนาด .357 ยิงเข้าไปในบ้านของนายขาว กระสุนปืนทะลุฝาห้องไม้สูงจากพื้น 1 เมตรเศษ ลูกกระสุนปืนไม่ถูกนายขาว แต่กระสุนปืนได้ทะลุฝาห้องอีกด้านหนึ่งไปถูกนายเขียวซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ดังนี้นายดำจะต้องรับผิดทางอาญา ต่อนายขาว และนายเขียวอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายดำผิดฐานพยายามฆ่านายขาว และรับผิดฐานพยายามฆ่านายเขียวโดยพลาด
ข. นายดำผิดฐานพยายามฆ่านายขาว และไม่ต้องรับผิดฐานต่อนายเขียว
ค. นายดำไม่ต้องรับผิดต่อนายขาว แต่รับผิดฐานพยายามฆ่านายเขียวโดยพลาด
ง. ถูกทุกข้อ
31. นางสาวโสภี ใช้อาวุธปืนขู่นายกล้ากับพวกมิให้เอาดินสอพองมาป้ายหน้าตน โดยนางสาวโสภีไม่รู้ว่าปืนนั้นมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ บังเอิญนิ้วมือนางสาวโสภีไปกระทบไกปืน ทำให้กระสุนปืนลั่นถูกนายกล้าถึงแก่ความตาย ดังนี้นางสาวโสภีจะต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ (ราม)
ก. นางสาวโสภีมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ข. นางสาวโสภีมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ได้รับการยกเว้นโทษ
ค. นางสาวโสภีมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ง. นางสาวโสภีไม่มีความผิด เพราะไม่รู้องค์ประกอบของความผิด
32. นายต้นอ้อยุให้นายกอไผ่ทำร้ายนายผักบุ้ง นายผักบุ้งเห็นนายกอไผ่เข้ามาทำร้ายตนจึงเงื้อไม้ขึ้นตีไปที่นายกอไผ่ นายต้นอ้อเห็นนายผักบุ้งกำลังใช้ไม้ตีนายกอไผ่จึงใช้มีดแทงไปที่นายผักบุ้งเพื่อช่วยเหลือนายกอไผ่ ดังนี้ นายต้นอ้อ นายกอไผ่ และนายผักบุ้ง จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่(ราม)
ก. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง โดยอ้างว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นตาม ปอ.มาตรา 67 ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง เป็นการกระทำโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
ข. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นตาม ปอ.มาตรา 67 หรือกระทำโดยป้องกันตาม ปอ.มาตรา 68 ไม่ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง เป็นการกระทำโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
ค. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง โดยอ้างว่าเป็นการกระทำโดยป้องกันตาม ปอ.มาตรา 68 ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง เป็นการกระทำโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
ง. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นตาม ปอ.มาตรา 67 หรือกระทำโดยป้องกันตาม ปอ.มาตรา 68 ไม่ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง ผิดฐานทะเลาะวิวาท
33. บิดาของบุญชูถูกฆ่าตาย บุญชูต้องการที่จะฆ่าคนที่มาลอบฆ่าบิดาของตนเพื่อแก้แค้น แต่บุญชูไม่ทราบว่าใครเป็นคนฆ่าบิดาของตน สมศรีทราบดีว่าสิงห์เป็นคนฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีจึงมาบอกให้บุญชูทราบ บุญชูทราบความจริงจากสมศรีจึงตามหาสิงห์เพื่อฆ่าให้ตาย แต่บุญชูไม่รู้จักสิงห์ ก้องซึ่งเป็นศัตรูของสิงห์อยากให้สิงห์ถูกฆ่าตาย ก้องจึงแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นใครและอยู่ที่ใด บุญชูทราบจากก้องจึงไปบ้านสิงห์และฆ่าสิงห์ตาย ดังนี้ สมศรีและก้องต้องรับผิดทางอาญาอย่างใด หรือไม่(ราม)
ก. สมศรีไม่มีความผิด ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นผู้สนับสนุนตาม ปอ. มาตรา 86
ข. สมศรีทราบอยู่แล้วว่าบุญชูต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีเป็นผู้สนับสนุนตาม ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นผู้ใช้ตาม ปอ. มาตรา 84
ค. สมศรีทราบอยู่แล้วว่าบุญชูต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีเป็นผู้สนับสนุนตาม ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นตัวการ ตามปอ. มาตรา 83
ง. สมศรีทราบอยู่แล้วว่าบุญชูต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีเป็นผู้สนับสนุนตาม ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นผู้สนับสนุนตาม ปอ. มาตรา 86
34. นายวิทยาเป็นแพทย์ ทราบว่า นายสมเดช เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาล นายวิทยาต้องการฆ่านายสมเดช จึงเอายาพิษไปให้นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลเพื่อไปให้แก่นายสมเดชกิน โดยหลอกนางสาวเพ็ญศรีว่าเป็นยาบำรุงกำลัง นางสาวเพ็ญศรีหลงเชื่อเอาไปให้นายสมเดชกิน แต่นางสาวเพ็ญศรีเข้าใจว่านายวรเดชคือนายสมเดช เพราะในห้องนั้นมีคนไข้หลายคน จึงเอายาพิษซึ่งนางสาวเพ็ญศรีเข้าใจว่าเป็นยาบำรุงกำลังให้นายวรเดชกิน ถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายวิทยาและนางสาวเพ็ญศรี ต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่(ราม)
ก. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลไม่ต้องรับผิดทางอาญาเพราะขาดเจตนาเนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นยาพิษ (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1,3) ส่วนนายวิทยาเป็นผู้กระทำผิดโดยใช้นางสาวเพ็ญศรีเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด ต้องรับผิดเพราะเจตนาทำให้คนตาย (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1, 2) และนายวิทยาจะอ้างว่าไม่มีเจตนาไม่ได้
ข. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลไม่ต้องรับผิดทางอาญาเพราะขาดเจตนาเนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นยาพิษ (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1,3) ส่วนนายวิทยาเป็นผู้ใช้นางสาวเพ็ญศรีกระทำผิด
ค. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลรับผิดทางอาญาฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนนายวิทยาเป็นผู้กระทำผิดโดยใช้นางสาวเพ็ญศรีเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด ต้องรับผิดเพราะเจตนาทำให้คนตาย (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1, 2) และนายวิทยาจะอ้างว่าไม่มีเจตนาไม่ได้
ง. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลรับผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนนายวิทยาเป็นผู้กระทำผิดโดยใช้นางสาวเพ็ญศรีเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด ต้องรับผิดเพราะเจตนาทำให้คนตาย (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1, 2) และนายวิทยาจะอ้างว่าไม่มีเจตนาไม่ได้
35. นายสมพงษ์ชักปืนขู่เอาเงินจากนายผ่องและนางแหวนสามีภรรยา นางแหวนร้องเรียกให้นายหวัน ช่วย นายหวันไปช่วยนางแหวนบุตรสาว ขณะนายผ่องบุตรเขยกำลังปล้ำอยู่กับนายสมพงษ์ และนายสมพงษ์ได้ชักมีดออกแทงนายผ่อง นายหวันได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่นายสมพงษ์ แต่ลูกกระสุนปืนไม่ถูกนายสมพงษ์ ได้เลยไปถูกนายผ่องตาย ดังนี้ นายหวันต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายหวันมีความผิดเพราะป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ข. นายหวันมีความผิดฐานฆ่านายผ่องโดยพลาด
ค. นายหวันไม่มีความผิด ป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย
ง. นายหวันไม่มีความผิดเพราะเป็นผลมาจากการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
36. นายอ่องไล่ทำร้ายนายป๋อง นายป๋องวิ่งหนี นายป๋องเห็นเด็กชายแอ๊วบุตรนายอ่องยืนอยู่ จึงเข้าไปจับตัวไว้พร้อมกับบอกนายอ่องว่า ถ้านายอ่องเข้ามาจะบีบคอให้เด็กชายแอ๊วตาย นางอี๊ดมารดาเด็กชายแอ๊ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เห็นนายป๋องจะบีบคอเด็กชายแอ๊ว นางอี๊ดจึงใช้ไม้ตีถูกศีรษะนายป๋องแตก ดังนี้ นางอี๊ด และนายป๋องจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย นางอี๊ดไม่มีความผิด (ป.อ.มาตรา 68) นายป๋องผิดต่อเสรีภาพ
ข. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย นางอี๊ดไม่มีความผิด (ป.อ.มาตรา 68) นายป๋องกระทำความผิดด้วยความจำเป็นเพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง นายป๋องมีความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ (ป.อ.มาตรา 67)
ค. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เกินสมควรแก่เหตุ นายป๋องกระทำความผิดด้วยความจำเป็นเพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง นายป๋องมีความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ (ป.อ.มาตรา 67)
ง. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เกินสมควรแก่เหตุ นายป๋องผิดต่อเสรีภาพ
37. นายเทิ้มกับพวกร่วมกันฉุดคร่านางสาวแต๋วเพื่อประโยชน์ของนายเทิ้มที่จะทำอนาจารและ ข่มขืนกระทำชำเรา ในระหว่างที่พานางสาวแต๋วไป นายโตบิดาของนางสาวแต๋ววิ่งตามไปเพื่อขัดขวาง นายเทิ้มจึงสั่งให้นายน้อยพวกของนายเทิ้มใช้อาวุธปืนยิงนายโตถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายเทิ้มต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายเทิ้มรับผิดฐานเป็นตัวการฆ่านายโตเพื่อให้เกิดความสะดวกในการฉุดคร่านางสาวแต๋ว เพราะนายเทิ้มร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ และก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ถือได้ว่านายเทิ้มได้ร่วมกันยิงนายโตด้วย
ข. นายเทิ้มรับผิดฐานเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด รับผิดเช่นตัวการ
ค. นายเทิ้มรับผิดฐานเป็นตัวการฆ่านายโต และเป็นผู้สนับสนุนยิงนายโต
ง. ไม่มีข้อใดถูก
38. นายเดช เป็นนักว่ายน้ำรับจ้างทำหน้าที่เป็นครูสอนว่ายน้ำและดูแลช่วยเหลือผู้มาฝึกว่ายน้ำกับเจ้าของสระว่ายน้ำ วันหนึ่ง ด.ช.ขาวบุตรของนายโทซึ่งเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายเดชมาฝึกหัดว่ายน้ำในสระ ด.ช.ขาวเป็นตะคริวกำลังจะจมน้ำ นายเดชเห็นเหตุการณ์ตลอดแต่อยากให้ ด.ช.ขาวตาย จึงยืนดูอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ ด.ช.ขาวจมน้ำตาย ดังนี้ นายเดช จะต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ (ราม)
ก. นายเดชต้องรับผิดฐานเจตนาฆ่า ด.ช.ขาว โดยการละเว้น
ข. นายเดชต้องรับผิดฐานเจตนาฆ่า ด.ช.ขาว โดยการงดเว้น
ค. นายเดชไม่ต้องรับผิดใดๆ
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
39. นายโชคร้าย กลุ้มใจเนื่องจากถูกไล่ออกจากงานต้องการจะฆ่าตัวตาย ได้ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกชั้นเก้าแล้วโดดลงมาที่พื้นชั้นล่าง ปรากฏว่าในขณะนั้นนายโชคดีเดินผ่านพอดีทำให้กระแทกถูกร่างของนายโชคดีถึงแก่ความตาย ส่วนนายโชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ นายโชคร้ายจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างใดหรือไม่(ราม)
ก. นายโชคร้ายไม่ต้องรับผิดทางอาญาใดๆ
ข. นายโชคร้ายต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำเป็นเหตุให้นายโชคดีถึงแก่ความตายโดยพลาด
ค. นายโชคร้ายต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำเป็นเหตุให้นายโชคดีถึงแก่ความตายโดยสำคัญผิดในตัวบุคคล
ง. นายโชคร้ายต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายโชคดีถึงแก่ความตาย
40. นายเสือต้องการจะฆ่านายฮวด ได้ถือปืนไปคอยดักยิงนายฮวด นายเสือเห็น นายสิงห์บิดาของตนเองเดินมาเข้าใจผิดว่าเป็นนายฮวดจึงใช้ปืนยิงไปลูกกระสุนปืนไม่ถูกนายสิงห์แต่ลูกกระสุนปืนได้กระทบกำแพงเปลี่ยนวิถีกระสุนไปโดนนายเฮงซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ได้รับ บาดเจ็บ ดังนี้ นายเสือจะต้องรับผิดทางอาญาต่อ นายฮวด นายสิงห์ และนายเฮงอย่างใด(ราม)
ก. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 รับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 รับผิดต่อนายฮวด ฐานพยายามฆ่า
ข. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 ในฐานฆ่าบุพการี รับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 ไม่ต้องรับผิดต่อนายฮวด เพราะถือว่าได้กระทำโดยเจตนาต่อนายสิงห์แล้ว
ค. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 รับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 ไม่ต้องรับผิดต่อนายฮวด เพราะถือว่าได้กระทำโดยเจตนาต่อนายสิงห์แล้ว
ง. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 แต่ไม่ต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 ไม่ต้องรับผิดต่อนายฮวด เพราะถือว่าได้กระทำโดยเจตนาต่อนายสิงห์แล้ว
41. นายสงบไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะจับกุมนายเสงี่ยม แต่ได้ใช้อาวุธปืนขู่บังคับเพื่อพานายเสงี่ยมไปหาผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากสงสัยว่านายเสงี่ยมจะพยายามลักทรัพย์ระหว่างทางพวกของนายเสงี่ยมเข้าแย่งเอาปืนจากนายสงบไปได้แล้ว นายเสงี่ยมใช้มีดฟันนายสงบตาย ดังนี้ นายเสงี่ยมจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่(ราม)
ก. นายเสงี่ยมผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่อ้างว่าได้กระทำความผิดขณะบันดาลโทสะ ตาม ปอ.มาตรา 72 ได้
ข. นายเสงี่ยมผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่อ้างว่าได้กระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ.มาตรา 69 ได้
ค. นายเสงี่ยมไม่ผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะได้กระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ.มาตรา 68 ได้
ง. นายเสงี่ยมผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่อ้างว่าได้กระทำความผิดด้วยความจำเป็น ตาม ปอ.มาตรา 70 ได้
42. นายสมบอกกับนายสอนว่า ถ้านายสอนไม่ฆ่านายเทิ้ม นายเทิ้มจะมาฆ่านายสอน นายสอนเมื่อทราบเช่นนั้นจึงตกลงใจที่จะฆ่านายเทิ้ม ระหว่างที่นายสอนตามหานายเทิ้มอยู่นั้น นายสอนพบนายเทิ้มแต่นายสอนไม่ทราบว่าเป็นนายเทิ้ม เพราะนายสอนไม่รู้จักว่านายเทิ้มมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร นายเทิ้มเองทราบดีว่า นายสอน ตามหาตนเพื่อจะฆ่า นายเทิ้มจึงชักอาวุธปืนออกจ้องไปที่นายสอน นายสอนเห็นเข้า เข้าใจว่านายเทิ้มจะยิงตนจึงใช้อาวุธปืนยิงถูกนายเทิ้มตาย ดังนี้ นายสมและนายสอนจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายสมไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้เพราะการกระทำของนายสอนไม่เป็นความผิด ส่วนนายสอนมีความผิด แต่อ้างได้กระทำไปโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเกินสมควรแก่เหตุ
ข. นายสมต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้ ส่วนนายสอนมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ค. นายสมไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้เพราะการกระทำของนายสอนไม่เป็นความผิด ส่วนนายสอนได้กระทำไปโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ.มาตรา 68 จึงไม่มีความผิด
ง. ถูกทุกข้อ
43. นายดำหลีกเลี่ยงไม่รับหมายเรียกของศาลให้ไปเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนายดำหกเดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ระหว่างที่จำคุกอยู่ นายดำถูกเบิกตัวไปเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องนั้นอีก นายดำได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี นายดำจึงถูกฟ้องในความผิดฐานเบิกความเท็จ และโจทก์ขอให้ศาลเพิ่มโทษนายดำด้วยเพราะนายดำได้กระทำความผิดในระหว่างที่ยังต้องรับโทษอยู่ ดังนี้หากศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกนายดำหนึ่งปีในคดีเบิกความเท็จศาลจะเพิ่มโทษนายดำได้หรือไม่ และถ้าศาลเห็นสมควรรอการลงโทษนายดำศาลจะรอการลงโทษนายดำไว้หรือไม่ (เนติ 40 )
ก. การละเมิดอำนาจศาล เป็นวิธีสบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาของศาล ไม่ใช่การกระทำผิดทางอาญา ศาลจะเพิ่มโทษไม่ได้ แต่รอการลงโทษนายดำได้
ข. การละเมิดอำนาจศาล เป็นวิธีสบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาของศาล ไม่ใช่การกระทำผิดทางอาญา ศาลจะเพิ่มโทษไม่ได้ แต่รอการลงโทษนายดำไม่ได้
ค. ศาลเพิ่มโทษนายดำได้ แต่รอการลงโทษนายดำได้
ง. ศาลเพิ่มโทษนายดำไม่ได้ และรอการลงโทษนายดำไม่ได
44. นายแดงมีความอาฆาตโกรธเคืองนายดำ นายแดงจึงจ้างนายขาวและนายเหลืองให้ไปชกหน้านายดำ นายขาวและนายเหลืองตกลงทำตามโดยนายขาวจะเป็นคนชกนายดำเอง ส่วนนายเหลืองรับหน้าที่ดูต้นทางใกล้ ๆ ต่อมานายขาวและนายเหลืองไปคอยดักซุ่มเพื่อทำร้ายนายดำ เมื่อนายดำเดินผ่านมานายขาวได้ตรงเข้าไปชกหน้านายดำ ปรากฏว่านายดำถูกชกมีผลทำให้ตาซ้ายบวมช้ำ ต่อมาอีกสิบวันตาที่บวมนั้นบอด ดังนี้ ให้วินิจฉัยความรับผิดชอบนายของนายขาว นายเหลือง และนายแดง
ก. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัส ตาม ป.อาญา มาตรา 297 และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษเสมือนตัวการ ตาม ป.อาญา มาตรา 84
ข. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อาญา มาตรา 298 และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษหนึ่งในสาม ตาม ป.อาญา มาตรา 84
ค. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัส ตาม ป.อาญา มาตรา 297และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษเสมือนตัวการ ตาม ป.อาญา มาตรา 84
ง. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อาญา มาตรา 298 และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษเสมือนตัวการ ตาม ป.อาญา มาตรา 84
45. นายสิงห์เป็นหัวหน้าคนยามในโรงงานของบริษัทวัฒนา จำกัด นายเสือเป็นคนยามอยู่ในบังคับบัญชานายสิงห์ ปรากฎว่าคืนวันหนึ่งนายเสือไม่ได้อยู่ยามตามหน้าที่ รุ่งขึ้นนายสิงห์สอบถามดูแต่โดยดี นายเสือกลับพูดทำนองไม่ยำเกรงนายสิงห์ซึ่งเป็นหัวหน้า และตรงเข้าเตะต่อยนายสิงห์ทันที นายสิงห์ชกต่อยโต้ตอบไปบ้าง นายเสือเตะต่อยนายสิงห์ล้มลงไปแล้วยืนรอจะทำร้ายนายสิงห์อีก พอนายสิงห์ลุกขึ้น นายเสือได้ใช้มีดแทงนายสิงห์ 2 ที ถูกที่หน้าท้องถึงไส้ไหล ขณะที่นายเสือขยับจะแทงเอาอีก นายสิงห์จึงใช้ปืนยิง 1 นัดในระยะห่าง 1 วา กระสุนพลาดไปถูกนางขาวภรรยานายเสือซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาจะห้ามปราม โดยกระสุนปืนถูกที่หน้าอกถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ นายสิงห์มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายสิงห์มีความผิดฐานพยายามฆ่านายเสือ และฆ่าภรรยานายเสือโดยพลาด
ข. นายสิงห์มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเสือและฆ่าภรรยานายเสือโดยพลาด
ค. นายสิงห์ไม่มีความผิดฐานใด
ง. นายสิงห์และนายเสือมีความผิดฐานทะเลาะวิวาท และร่วมกัน ฆ่าภรรยานายเสือโดยพลาด
46. นายแขกเป็นคนงานก่อสร้าง คืนวันเกิดเหตุนายแขกได้ร่วมกับเพื่อนคนงานอีกหลายคนลักลอบเล่นการพนันไฮโลในเรือนพักชั่วคราวของคนงานก่อสร้าง พลตำรวจเดชกับพวกได้รับแจ้งเรื่องลักลอบเล่นการพนันดังกล่าวจึงได้ไปทำการจับกุม ครั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจกรูเข้าไปในเรือนพักที่มีการเล่นการพนันเพื่อทำการจับกุม นายแขกได้ดับไฟฟ้าในเรือนพักนั้น เป็นเหตุให้ผู้ลักลอบเล่นการพนันต่างหลบหนีจากการจับกุมไปได้ทั้งหมด พลตำรวจเดชได้วิ่งไล่จับนายแขกอย่างไม่ลดละ นายแขกเห็นท่าไม่ดี จึงยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดชมิให้ติดตามจับกุมตนต่อไป ดังนี้ นายแขกจะมีความผิดฐานใดบ้างหรือไม่
ก. การดับไฟฟ้า และยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
ข. การดับไฟฟ้า เพียงแต่ให้ตำรวจทำงานไม่สะดวก นายแขกไม่ผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน แต่การที่นายแขก ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช มีความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
ค. การดับไฟฟ้า และ ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช เป็นเพียงแต่ให้ตำรวจทำงานไม่สะดวก นายแขกไม่ผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน
ง. การดับไฟฟ้า เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงาน แต่การที่นายแขก มีความผิดฐานยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช ไม่เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงาน
47. นายเอกถูกฟ้องหาว่าฆ่าผู้อื่น นายโทเป็นเพื่อนรักของนายเอกต้องการช่วยเหลือนายเอกให้พ้นคดี จึงเข้าเบิกความเป็นพยานจำเลยโดยอ้างว่าตนเองเป็นนายตรีและเบิกความว่า วันเวลาเกิดเหตุ เห็นนายเอกกำลังดำนาอยู่กับภริยา พยานได้ทักทายพูดคุยกับนายเอกด้วย ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้นเมื่อเบิกความเสร็จแล้วนายโทก็ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกคำให้การพยานว่านายตรีตรงช่องพยาน ดังนี้ นายโทมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสาร , เบิกความเท็จ และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานจดลงในเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
ข. นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานจดลงในเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
ค. นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสาร , เบิกความเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
ง. นายโทมีความผิดฐานเบิกความเท็จ และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานจดลงในเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
48. นายอบกับนายอ้วนชวนนางสาวเอี้ยงไปเที่ยวงานวัด ครั้นถึงที่เปลี่ยวนายอบกับนายอ้วนฉุดนางสาวเอี้ยงเข้าไปที่ป่าข้างทาง นายอบข่มขืนกระทำชำเรานางสาวเอี้ยงจนสำเร็จความใคร่โดยนายอ้วนกอดจูบและจับนางสาวเอี้ยงให้นายอบข่มขืนกระทำชำเรา ขณะที่นายอ้วนถอดเสื้อผ้าจนเหลือกางเกงในตัวเดียว จะลงมือช่มขืนกระทำชำเรานางสาวเอี้ยงต่อจากนายอบ เจ้าพนักงานตำรวจจับคนทั้งสองได้ ดังนี้ นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานใดบ้าง
ก. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังฯ และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตนในลักษณะโทรมหญิงตาม ป.อาญา มาตรา 284 ,276 ,83
ข. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังฯ และนายอบผิดข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ตาม ป.อาญา มาตรา 284 ,276 ,83
ค. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ตาม ป.อาญา มาตรา 276 ,83
ง. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังฯ และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ตาม ป.อาญา มาตรา 284 ,276 ,83
49. นายสินทให้นายเสนอเช่าที่นาและโรงนา นายเสนอค้างชำระค่าเช่า 3 ปีติด ๆ กัน นายสนิทต้องการขับไล่นายเสนอออกจากที่นาที่ให้เช่า จึงนำรถไถเข้าไปไถและหว่านข้าวในที่นานั้น ส่วนนายสนมบุตรชายนายสนิทก็ไปยืนหน้าโรงนาห้ามมิให้นายเสนอออกมาจากโรงนาขณะที่นายสนิทไถหว่านข้าวดังกล่าว ดังนี้ นายสนิทและนายสนมจะมีความผิดฐานใดบ้างหรือไม่
ก. นายสนิทและนายสนมมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุก
ข. นายสนิทและนายสนมมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุก , ทำเสียทรัพย์
ค. นายสนิทและนายสนมมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุก , ทำเสียทรัพย์ และหน่วงเหนี่ยวกักขัง
ง. นายสนิทและนายสนมไม่มีความผิด
50. นายเอกมีนางสุดาเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฏหมายอยู่แล้ว ต่อมาได้นางรสรินเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน หลังจากนั้นนายเอกไปมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับนางสาวนารีซึ่งเป็นข้าราชการ นางรสรินมีความหึงหวงจึงไปต่อว่านางสาวนารี และว่าจะฟ้องต่อทางราชการให้ลงโทษนางสาวนารีฐานประพฤติตนไม่เหมะสมเป็นการผิดวินัย โดยกล่าวต่อหน้านายพิเศษว่า “คุณเป็นข้าราชการจะมาแย่งผัวฉัน ดูซิว่าจะมีผิดไหม” ดังนี้ นางรสรินจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า
ข. มีความผิดฐาน หมิ่นประมาท
ค. มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า หมิ่นประมาท
ง. ไม่มีความผิด
เฉลย
1. ก 2. ค 3. ค 4. ง 5. ค 6. ก 7. ง 8. ข 9. ก 10. ง
11. ค 12. ก 13. ง 14. ง 15. ก 16. ข 17. ค 18. ข 19. ง 20. ง
21. ข 22. ค 23. ก 24. ง 25. ค 26. ก 27. ง 28. ก 29. ค 30. ก
31. ค 32. ข 33. ง 34. ก 35. ง 36. ข 37. ก 38. ข 39. ง 40. ค
41. ก 42. ค 43. ก 44. ค 45. ค 46. ข 47. ค 48. ง 49. ก 50.
1. นางดาวทำร้ายร่างกายนายเดือนจนได้รับอันตรายแก่กาย พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวน จึงจับกุมนางดาวเป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย นางดาวกลัวจะติดคุกจึงขอให้พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเจ้าของคดีช่วยเหลือตนโดยเสนอเงินให้ห้าแสนบาท เพื่อเป็นค่าทำพยานหลักฐานให้อ่อนช่วยนางดาวให้พ้นผิด ทำให้พันตำรวจโทเอกชัยโกรธจึงแกล้งเปลี่ยนข้อหาเป็นพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วทำสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องเสนอพนักงานอัยการ ต่อมาพนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอฟ้องให้ศาลลงโทษ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนางดาว ให้วินิจฉัยว่า นางดาวและพันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. นางดาวมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามป.อาญา มาตรา 167 พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 200 วรรคสอง
ข. นางดาวมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามป.อาญา มาตรา 167 พันตำรวจโทเอกชัย ไม่มีความผิด เพราะข้อหาไม่ใช่ฐานความผิด
ค. นางดาวไม่มีความผิดฐานฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน เพราะไม่ได้มอบเงินให้จริง ๆ พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 200 วรรคสอง
ง. ไม่มีผู้ใดกระทำความผิด
2. นายใหญ่ตระเตรียมวางแผนฆ่านายอ้วน โดยจะใช้อาวุธปืนสองกระบอกของตน แต่อาวุธปืนที่จะใช้ในการฆ่าได้ถูกคนร้ายลักไปก่อนโดยนายใหญ่ไม่ทราบ นายเล็กต้องการให้นายอ้วนตายเช่นกัน จึงแอบเอาอาวุธปืนของตนไปไว้ที่บ้านนายใหญ่โดยประสงค์ให้นายใหญ่ใช้ยิงนายอ้วนโดยนายเล็กไม่รู้ว่าอาวุธปืนกระบอกนั้นมีผู้แอบเอากระสุนออกจนหมดแล้ว นายน้อยต้องการให้นายอ้วนตายเช่นกัน จึงเอาอาวุธปืนของตนไปไว้ที่บ้านนายใหญ่โดยประสงค์ให้นายใหญ่ใช้ยิงนายอ้วน ต่อมานายใหญ่เห็นอาวุธปืนทั้งสองกระบอกของนายเล็กและนายน้อยวางอยู่ นายใหญ่เข้าใจว่าเป็นอาวุธปืนสองกระบอกของตน นายใหญ่ได้หยิบอาวุธปืนของนายเล็กและเมื่อพบนายอ้วนได้ใช้อาวุธปืนกระบอกนั้นจ้องเล็งจะยิงนายอ้วน ให้วินิจฉัยว่า นายใหญ่ นายเล็กและนายน้อยมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วน นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุน
ข. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วน นายเล็กและนายน้อยไม่ผิดฐานผู้สนับสนุน
ค. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วนเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายเล็กผิดฐานผู้สนับสนุน ส่วนนายน้อยไม่มีความผิด
ง. นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุนเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุน
3. นายชมว่าจ้างนายชิตให้ไปฆ่านายใส นายชิตตกลงทำตาม แต่ก่อนที่จะไปฆ่า นายชิตเกิดป่วยกะทันหัน นายชิตจึงไปว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตน เมื่อนายชื่นจ้องเล็งปืนจะยิงนายใส นายชมเกิดสำนึกผิดจึงวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุและปัดปืน ทำให้ปืนตกลงไปในน้ำ ให้วินิจฉัยว่า นายชื่น นายชิต นายชม ต้องรับผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตผิดฐานผู้ใช้ นายชม ไม่มีความผิด
ข. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตไม่มีความผิด นายชม ผิดฐานผู้ใช้
ค. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตผิดฐานผู้ใช้รับโทษเช่นตัวการ นายชม ผิดฐานผู้ใช้รับโทญเพียงหนึ่งในสาม
ง. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิต และนายชม ผิดฐานผู้ใช้รับโทษเพียงหนึ่งในสาม
4. นายแดงเป็นคนไทยอยู่ต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเป็นภาษาอังกฤษที่สถานทูตไทย ให้นายดำไปดำเนินการให้เช่าที่ดินของตนที่อยู่ในประเทศไทย แต่นายดำไม่สามารถหาผู้เช่าได้ มีแต่ผู้ต้องการซื้อ นายดำจึงได้ดำเนินการขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้นายเขียวโดยแปลหนังสือมอบอำนาจของนายแดงเป็นภาษาไทย โดยเพิ่มเติมข้อความในคำแปลว่า นายแดงมอบอำนาจให้นายดำดำเนินการขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ด้วย แล้วนำหนังสือมอบอำนาจฉบับภาษาอังกฤษและคำแปลภาษาไทยไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขาย เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินสอบถาม นายดำก็ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า นายแดงมอบอำนาจให้นายดำให้เช่าหรือขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เจ้าพนักงานที่ดินได้จดถ้อยคำดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานและดำเนินการจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดินให้โดยให้นายดำลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายด้วยจากนั้นนายดำได้ส่งเงินค่าขายที่ดินทั้งหมดให้นายแดงให้วินิจฉัยว่า นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (เนติ56)
ก. นายดำผิดฐานปลอมเอกสาร และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข. นายดำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ค. นายดำผิดฐานปลอมเอกสาร แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ง. นายดำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
5. ระหว่างที่นายกบกับนายเขียดเดินเล่นอยู่ในสวนจตุจักร นายกบเหลือบไปเห็นนายปลาทำนาฬิกาหล่นจึงรีบเดินเข้าไปเก็บ โดยนายเขียดไม่คาดคิดมาก่อนว่านายกบจะทำเช่นนั้น ส่วนนายปลาเมื่อเดินไปได้ไม่ไกลทราบว่านาฬิกาหล่นหายไปจึงเดินกลับมายังจุดที่นายกบและนายเขียดยืนอยู่ เมื่อนายกบเห็นนายปลาเดินกลับมาจึงได้ส่งนาฬิกาให้นายเขียดนำออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อนายปลาเดินมาถึงสอบถามว่านายกบเห็นนาฬิกาหรือไม่ นายกบตอบว่าไม่เห็น แล้วมองตามหลังนายเขียดไป นายปลาเชื่อว่านายเขียดเอานาฬิกาไป จึงวิ่งตามไปร้องตะโกนว่า "ขโมย ๆ" นายเขียดจึงชกปากนายปลาอย่างแรงแล้วหนีไป ปรากฏว่านายปลาปากแตก ฟันหักสี่ซี่ ให้วินิจฉัยว่า นายกบและนายเขียดมีความผิดฐานใดบ้าง (เนติ56)
ก. นายกบผิดฐานยักยอกทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและทำร้ายร่างกายสาหัส
ข. นายกบผิดฐานยักยอกทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและชิงทรัพย์
ค. นายกบผิดฐานลักทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและทำร้ายร่างกายสาหัส
ง. นายกบและนายเขียดผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ นายเขียดผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัสอีกด้วย
6. ขณะที่เด็กชายตุ๋ยอายุ 5 ปี กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าในบริเวณรั้วบ้านของนางระเบียบซึ่งเป็นมารดา นายสังเวชซึ่งประสบภาวะการขาดทุนทางการค้าได้เข้าไปอุ้มเด็กชายตุ๋ยไปโดยเด็กชายตุ๋ยยอมไปด้วย จากนั้นนายสังเวชโทรศัพท์ไปถึงนางระเบียบมารดาของเด็กชายตุ๋ย ให้นำเงิน 500,000 บาทใส่ถุงกระดาษไปวางไว้ ณ โบสถ์แห่งหนึ่ง เมื่อได้รับเงินแล้วจะนำตัวเด็กชายตุ๋ยไปส่งคืน นางระเบียบจำเสียงนายสังเวชได้แต่ก็ตอบตกลงและนำเงินไปส่งมอบ ณ สถานที่นัดไว้ เมื่อได้ตัวเด็กชายตุ๋ยคืนมาแล้ว จึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับนายสังเวชได้พร้อมกับเงินของกลางให้วินิจฉัยว่า นายสังเวชมีความผิดฐานใดบ้าง (เนติ56)
ก. นายสังเวชผิดฐานเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ และบุกรุก
ข. นายสังเวชผิดฐานเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์
ค. นายสังเวชผิดฐานพยายามเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ และบุกรุก
ง. นายสังเวชผิดฐานพยายามเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์
7. นายต้นถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา นายต้นกลัวว่า ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุก จึงไปปรึกษานายส่งซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำหน้าที่เก็บสำนวนคดีอยู่ที่ศาลนั้นซึ่งรู้จักกันมาก่อน นายส่งได้พูดว่ารู้จักผู้พิพากษาในคดีที่นายต้นถูกฟ้อง เคยเสนอสำนวนให้ท่านพิจารณา หากนายต้นให้เงินตน 100,000 บาท ก็จะขอให้ศาลพิพากษารอการลงโทษแก่นายต้น แต่นายส่งมิได้ระบุชื่อผู้พิพากษา นายต้นจึงมอบเงินจำนวน 100,000 บาท แก่นายส่ง ต่อมาศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายต้น นายต้นจึงทราบว่านายส่งมิได้วิ่งเต้นให้ตนเลย เพราะนายส่งไม่เคยรู้จักผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เหตุที่นายส่งแอบอ้างเพราะเข้าใจว่าคดีประเภทนี้ศาลมักจะรอการลงโทษอยู่แล้ว นายต้นจึงไปต่อว่านายส่งว่าทำให้ตนเสียหายต้องโทษจำคุกและขอเงินคืน นายส่งอ้างว่ามิได้กระทำความผิดแต่อย่างใดและไม่ยอมคืนเงิน 100,000 บาทให้ ให้วินิจฉัยว่า นายส่งจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ และเงินจำนวน 100,000 บาท จะริบได้หรือไม่ (เนติ57)
ก. นายส่งไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เรียกรับ และจะริบเงินไม่ได้
ข. นายส่งไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เรียกรับ แต่ขอริบเงินได้ เพราะนายส่งไม่มีสิทธิยึดถือไว้
ค. นายส่งมีความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจ ม.143 แต่จะขอริบเงินไม่ได้
ง. นายส่งมีความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจ ม.143 และขอริบเงินได้
8. นายชมต้องการฆ่านายชัย จึงส่งจดหมายไปถึงนายชิตมือปืนรับจ้างให้ฆ่านายชัย ต่อมานายชมเปลี่ยนใจไม่ต้องการฆ่านายชัยโดยเพียงต้องการทำร้ายเท่านั้น จึงส่งจดหมายอีกฉบับหนึ่งถึงนายชิตมีใจความว่า ขอยกเลิกข้อความในจดหมายฉบับแรกทั้งหมดและให้นายชิตไปคอยดักทำร้ายนายชัย ปรากฏว่าจดหมายฉบับแรกหายกลางทางไปไม่ถึงมือนายชิต แต่นายชิตได้รับจดหมายฉบับที่สอง โดยไม่รู้เรื่องในจดหมายฉบับแรกเลย และได้ไปคอยดักทำร้ายนายชัยตามที่นายชมว่าจ้าง เมื่อนายชัยเดินทางมาถึง นายชิตซึ่งแอบอยู่ก็ตรงเข้าใช้ไม้ตีทำร้ายนายชัย เป็นเหตุให้นายชัยล้มลงศีรษะฟาดพื้นถึงแก่ความตาย ให้วินิจฉัยว่า นายชิตและนายชมมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. นายชม ผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกรับโทษหนึ่งในสาม ครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ข. นายชม ไม่ผิดฐานผู้ใช้ในครั้งแรกเพราะนายชิตไม่รู้การใช้ แต่ผิดผู้ใช้ในครั้งที่สองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ค. นายชมผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกและครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ง. นายชมผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกและครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
9. นายอ้วนกับนายผอมเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน วันเกิดเหตุนายอ้วนไปท้าทายนายผอมโดยพูดว่า "มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัว ถ้าแน่จริง" นายผอมเดินออกจากบ้านไปพบนายอ้วนโดยพกอาวุธปืนสั้นไปด้วย นายอ้วนชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงนายผอม จึงถูกนายผอมใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงในระยะ 2 เมตร ถูกนายอ้วนที่หน้าอกจำนวน3 นัด นายอ้วนได้รับอันตรายสาหัสให้วินิจฉัยว่า นายผอมมีความผิดฐานใดหรือไม่ และนายผอมจะอ้างเหตุว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำโดยบันดาลโทสะได้หรือไม่ (เนติ57)
ก. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันและบันดาลโทสะไม่ได้
ข. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันได้ แต่อ้างบันดาลโทสะไม่ได้
ค. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันไม่ได้ แต่บันดาลโทสะได้
ง. นายผอมผิดทำร้ายร่างกายสาหัส เพราะมีเจตนาทำร้าย แต่อ้างป้องกันและบันดาลโทสะไม่ได้
10. นายดำเป็นลูกจ้างมีหน้าที่รับและจ่ายเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดแดงก่อสร้าง ซึ่งมีนายแดงเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายเขียวลูกหนี้ของห้างฯ สั่งจ่ายเช็คของธนาคารแห่งหนึ่งให้แก่ห้างฯ เพื่อชำระหนี้ โดยนำเช็คไปมอบให้นายดำ นายดำเห็นว่านายแดงไม่อยู่ที่ห้างฯ จึงลงลายมือชื่อของนายดำด้านหลังเช็คแล้วนำตราของห้างฯประทับกำกับลายมือชื่อของนายดำ เพื่อให้พนักงานธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนห้างฯ และจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่านายดำป่วยจึงไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามที่ตั้งใจไว้ นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. พยายามลักทรัพย์ ข. พยายามฉ้อโกง
ค. ปลอมแปลงเอกสาร ง. ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
11. นายแสบไม่พอใจนายรวยเจ้าหนี้เงินกู้ของตน จึงแอบเข้าไปลักทรัพย์ของนายรวยบริเวณแพริมน้ำซึ่งนายรวยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แหวนเพชรมาหนึ่งวง ในขณะที่นายแสบจะลงจากแพได้เหลือบไปเห็นเงาคนกำลังแอบดูตนอยู่ นายแสบเชื่อว่าเป็นนายรวยและจำตนได้ เพราะตรงบริเวณนั้นมีแสงสว่างจากดวงไฟ แม้จะเป็นคืนข้างแรมก็ตาม เมื่อนายแสบกลับถึงบ้านแล้ว จึงทราบว่าเป็นแหวนของตนเอง ที่จำนำไว้แก่นายรวย นายแสบรู้สึกโกรธและเกรงว่าจะถูกนายรวยแจ้งความ นำเจ้าพนักงานตำรวจมาจับกุมตน จึงได้นำอาวุธปืนไปดักซุ่มยิงนายรวยจนถึงแก่ความตายให้วินิจฉัยว่า นายแสบมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. ผิดฐานลักทรัพย์ บุกรุก และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ข. ผิดฐาน บุกรุก โกงเจ้าหนี้ และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ค. ผิดฐานบุกรุก และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ง. ผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
12. นายชายหลงรักนางสาวหญิง แต่นางสาวหญิงไม่สนใจ คืนวันหนึ่งนายชายเดินผ่านหน้าบ้านนางสาวหญิงเห็นนางสาวหญิงอยู่บ้านคนเดียวจึงเข้าไปหาเพื่อจะลวนลาม นางสาวหญิงตกใจร้องเรียกให้คนช่วย นายชายจึงขู่ไม่ให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย นางสาวหญิงกลัวจึงหยุดร้องแต่ในขณะนั้นเองสร้อยข้อมือที่นางสาวหญิงใส่อยู่ขาดตกลงบนพื้นนายชายเห็นสร้อยข้อมือของนางสาวหญิงตก จึงก้มลงหยิบแล้วหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายชายมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57)
ก. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และ ลักทรัพย์
ข. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และ ชิงทรัพย์
ค. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ , ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ลักทรัพย์
ง. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ , ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ชิงทรัพย์
13. นายหาญขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปตามถนนพบนายหินเจ้าหนี้เงินกู้ของตนกำลังขับ รถยนต์กระบะอยู่ข้างหน้าโดยบังเอิญ นายหาญเกลียดนายหินซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้หน้าเลือด จึงขับรถไล่ตามไปด้วยความเร็วสูงและตั้งใจว่าจะขับรถเบียดชนรถของนายหินให้ตกลงไปในลำคลองข้างถนนเพื่อให้นายหินจมน้ำตายโดยทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ขณะที่รถคันที่นายหาญขับขี่ใกล้จะเบียดชนรถคันที่นายหินขับขี่ ยางรถคันที่นายหาญขับขี่ได้ทับตะปูและระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้รถเสียหลักไม่ชนรถคันที่นายหินขับขี่ แต่ได้แล่นข้ามเกาะกลางถนนไปยังฝั่งตรงกันข้ามพุ่งเข้าชนตึกร้านค้าของนายหวยอย่างแรงจนตัวตึกได้รับความเสียหายอย่างมาก ขณะนั้นนายหวยซึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงตึกชั้นสามเห็นเหตุการณ์พอดีและกลัวว่าตึกจะถล่มทำให้ตนตกลงไปถึงแก่ความตาย จึงได้กระโดดลงจากตึกดังกล่าวเป็นเหตุให้ศีรษะของนายหวยกระแทกกับพื้นดินและถึงแก่ความตายทันที หลังจากนั้นอีกสองวันตึกร้านค้าของนายหวยจึงได้ทรุดตัวพังทลายลงมา ให้วินิจฉัยว่านายหาญจะมีความผิดฐานต่อกรณีนายหิน หรือไม่ (อัยการ48)
ก. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะยังไม่ได้ลงมือกระทำผิด
ข. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะยังไม่เกิดความเสียหายต่อนายหิน
ค. รับผิดฐานฐานฆ่าผู้อื่น แต่ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของตึกร้านค้า เพราะเป็นอุบัติเหตุ
ง. รับผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามทำให้เสียทรัพย์
14. ตามข้อที่แล้ว ให้วินิจฉัยว่านายหาญจะมีความผิดฐานต่อกรณีนายหวย หรือไม่ (อัยการ48)
ก. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะเป็นกรณีอุบัติเหตุ
ข. ไม่ต้องรับผิดกรณีความตายของนายหวย แต่รับผิดในความเสียหายของตึกร้านค้าของนายหวย
ค. รับผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์
ง. รับผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามทำให้เสียทรัพย์
15. นายโทนประสงค์จะฆ่านายฉิ่ง แต่ไม่กล้าที่จะทำด้วยตนเอง และรู้ว่านายฉาบเป็นคนโมโหร้ายและหึงหวงภรรยา นายโทนจึงไปหานายฉาบและกล่าวเท็จว่าภรรยานายฉาบเป็นชู้กับนายฉิ่ง โดยหวังว่านายฉาบคงจะโกรธแล้วไปฆ่านายฉิ่ง เมื่อนายฉาบรู้เรื่องเท็จที่นายโทนเล่าให้ฟังจึงโกรธนายฉิ่งและต้องการฆ่านายฉิ่ง แต่นายฉาบไม่มีอาวุธปืนจึงไปเล่าเจตนาที่จะฆ่านายฉิ่งให้นายกลองฟัง และขอยืมอาวุธปืนของนายกลอง นายกลองต้องการให้นายฉิ่งตกใจกลัวจึงมอบอาวุธปืนและกระสุนปืนปลอมให้นายฉาบไป โดยไม่ได้บอกเรื่องกระสุนปืนปลอมให้นายฉาบรู้ นายฉาบเข้าใจว่าเป็นอาวุธปืนและกระสุนปืนจริง จึงนำอาวุธปืนและกระสุนปืนปลอมดังกล่าวไปยิงนายฉิ่ง กระสุนปืนถูกนายฉิ่ง แต่นายฉิ่งไม่ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจแต่อย่างใด เพียงแต่ตกใจและรู้สึกกลัว ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายโทน นายฉาบ นายกลอง จะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและเป็นผู้ใช้นายฉาบรับโทษเสมือนเป็นตัวการ สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนการกระทำการให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ไม่ต้องรับโทษ
ข. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้นายฉาบรับโทษเสมือนเป็นตัวการ สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนการกระทำการให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ไม่ต้องรับโทษ
ค. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและเป็นผู้ใช้นายฉาบรับโทษเสมือนเป็นตัวการ สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนนายฉาบฐานพยายามฆ่า
ง. นายฉาบมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิดที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายโทนมีความผิดฐานหมิ่นประมาท สำหรับนายกลองผิดฐานสนับสนุนการกระทำการให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ไม่ต้องรับโทษ
16. ธนาคารกรุงสยามได้ออกบัตรเครดิตที่มีแถบแม่เหล็กบันทึกข้อมูลให้แก่นายเก่งเพื่อใช้เป็นบัตรที่สามารถซื้อสินค้าโดยใช้เครื่องรูดบัตรอัตโนมัติบันทึกรายการซื้อสินค้าโดยไม่ต้องจ่ายเงินสดหรือใช้เบิกเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติหรือจากธนาคารได้ ต่อมานายกาจพี่ชายของนายเก่งต้องการมีบัตรเครดิตใช้ โดยต้องการให้นายเก่งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจึงไปแจ้งต่อพนักงานธนาคาร กรุงสยามว่าตนเองคือนายเก่ง ทำบัตรเครดิตดังกล่าวหายไปเกรงว่าผู้อื่นจะนำไปใช้จึงขอยกเลิกการใช้บัตรเครดิตฉบับเดิม และขอให้ธนาคารออกบัตรเครดิตฉบับใหม่แทน พนักงานธนาคารกรุงสยาม หลงเชื่อจึงดำเนินการยกเลิกบัตรเครดิตฉบับเดิมและออกบัตรเครดิตฉบับใหม่ในชื่อของนายเก่งให้แก่นายกาจไป เป็นเหตุให้นายเก่งไม่สามารถใช้บัตรเครดิตฉบับเดิมได้ตามปกติ ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายกาจและพนักงานธนาคารกรุงสยามจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายกาจมีความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น พนักงานธนาคารไม่มีความผิด
ข. นายกาจมีความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานธนาคารไม่มีความผิด
ค. นายกาจมีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานธนาคารไม่มีความผิด
ง. นายกาจมีความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานธนาคารมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
17. ร้อยตำรวจตรีแดงไปที่บ้านของนายดำซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง เพื่อจับนายดำตามหมายจับในคดีดังกล่าว นายดำได้หลบหนีออกจากบ้านไปทางทิศใต้ นายขาวบิดาของนายดำต้องการช่วยเหลือนายดำจึงบอกร้อยตำรวจตรีแดงว่านายดำหลบหนีไปทางทิศเหนือ ร้อยตำรวจตรีแดงไม่เชื่อได้ติดตามไปทางทิศใต้แล้วจับกุมนายดำได้ ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายขาวมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายขาวมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข. นายขาวมีความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ โดยมีเจตนาเพื่อช่วยให้นายดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมและเพื่อไม่ให้ต้องโทษ
ค. นายขาวมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และกระทำด้วยประการใดๆ โดยมีเจตนาเพื่อช่วยให้นายดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมและเพื่อไม่ให้ต้องโทษ
ง. นายขาวมีความผิดฐานกระทำด้วยประการใดๆ โดยมีเจตนาเพื่อช่วยให้นายดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาแต่ไม่ต้องโทษรับโทษ
18. นายสมบัติและนางสมศรีเคยอยู่กินฉันท์สามีภรรยากันมาก่อน แต่ปัจจุบันทั้งสองได้แยกทางกัน นายสมบัติต้องการเงินจำนวน 20,000 บาท จึงโทรศัพท์ไปหานางสมศรีและพูดขู่ให้ นางสมศรีส่งมอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้ มิฉะนั้นจะฆ่านางสาวสำรวยและขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลความสัมพันธ์ของนางสาวสำรวยกับนายกำธรว่าได้เสียกันอย่างลับๆ นางสาวสำรวยเป็นบุตรสาวของนางสมศรีที่เกิดกับนายสมคิดสามีเดิมที่เสียชีวิตไปแล้ว นางสมศรีกลัวจึงตกลงจะมอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้ แต่ขอผ่อนชำระเป็นจำนวน 2 งวด ๆ ละ 10,000 บาท โดยงวดแรกจะชำระให้ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ครั้นถึงกำหนดตามนัดนางสมศรีได้นำเงินจำนวน 10,000 บาทมาให้นายสมบัติ เมื่อพบกับนายสมบัติ นางสมศรีได้ต่อรองจำนวนเงินลดลงเหลือ 5,000 บาท ทำให้นายสมบัติโกรธ จึงใช้มือจับแขนของ นางสมศรีไว้ไม่ให้ขัดขืน แล้วล้วงเอาเงินจำนวน 10,000 บาทของนางสมศรีที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงไป ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายสมบัติจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นายสมบัติมีความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์
ข. นายสมบัติมีความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์ และ ชิงทรัพย์
ค. นายสมบัติมีความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ และ ชิงทรัพย์
ง. นายสมบัติมีความผิดฐานพยายามกรรโชกและพยายามรีดเอาทรัพย์ และ ชิงทรัพย์
19. นางอรจดทะเบียนสมรสแล้วตั้งครรภ์กับสามีได้ 6 เดือน นายแพทย์เดชตรวจครรภ์โดยละเอียดแล้วพบว่าทารกในครรภ์นางอรมีความพิการ ตาบอด 2 ข้าง แขนด้วน 2 ข้าง และระบบการทำงานของหัวใจผิดปกติ ไม่อาจรักษาได้ หากคลอดออกมาไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง และจะมีชีวิตรอดไม่เกิน 1 ปี ประกอบกับนางอรมีฐานะยากจน จึงขอร้องให้นายแพทย์เดชทำแท้งให้ เมื่อนายแพทย์เดชทำแท้งให้นางอรแล้ว ทำให้นางอรไม่สามารถมีบุตรได้อีกตลอดชีวิต ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านางอรและนายแพทย์เดชจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48)
ก. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม แต่ไม่ต้องรับโทษ
ข. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก แต่ไม่ต้องรับโทษ นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม
ค. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ซึ่งทั้งสองไม่ต้องรับโทษ
ง. นางอรมีความผิดฐานยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก นายแพทย์เดชมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม เป็นเหตุให้หญิงได้รับอันตรายสาหัส
20. ร้อยตำรวจเอกสมยศ รองสารวัตรสอบสวนออกตรวจท้องที่ โดยมีนายสา ราษฎรซึ่งเป็นสายลับของร้อยตำรวจเอกสมยศแต่งกายคล้ายตำรวจพกอาวุธปืนและกุญแจมือติดตามไปด้วย นายสาพบนายทับคู่อริซึ่งเคยขายยาบ้า จึงเข้าทำการจับกุมตรวจค้นตัว และใส่กุญแจมืออย่างตำรวจ นายทับวิ่งหนี นายสาจึงใช้อาวุธปืนที่นำติดตัวมายิงนายทับตาย ร้อยตำรวจเอกสมยศจะจับนายสา นายสากลัวความผิดจึงขอร้องให้ร้อยตำรวจเอกสมยศช่วยตนโดยทวงบุญคุณที่นายสาเคยช่วยเหลือไว้ ร้อยตำรวจเอกสมยศจึงช่วยนายสาโกยเลือดนายทับที่อยู่ในที่เกิดเหตุและนำศพนายทับบรรทุกรถยนต์ไปทิ้งที่อื่นเพื่ออำพรางคดีให้วินิจฉัยว่า นายสาและร้อยตำรวจเอกสมยศจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใด หรือไม่ (เนติ59)
ก. นายสามีความผิดฐานแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานและผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย
ข. ร้อยตำรวจเอกสมยศ มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง
ค. ร้อยตำรวจเอกสมยศ มีความผิดฐานทำลายพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง และฐานย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย
ง. ถูกทุกข้อ
21. นางสายจ้างนายบ่ายไปฆ่านายเช้าสามีเพราะนายเช้าไปอยู่กินกับหญิงอื่น นางเย็นน้องสาวนางสายให้นายบ่ายยืมอาวุธปืนไปใช้ยิงนายเช้า นายบ่ายไปดักยิงนายเช้า เมื่อนายเช้าเดินผ่านมา นายบ่ายชักอาวุธปืนออกจากเอวเพื่อจะยิง แต่นายบ่ายเห็นว่านายเช้าแก่มากแล้วจึงเกิดความสงสารและเปลี่ยนใจไม่ยิงให้วินิจฉัยว่า นางสาย นายบ่ายและนางเย็นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายบ่ายไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางเย็นมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายบ่าย
ข. นายบ่ายไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางเย็นก็ไม่มีความผิด
ค. นายบ่ายมีความผิดฐานพยายามฆ่า นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้นายบ่ายรับโทษเหมือนตัวการ นางเย็นมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายบ่าย
ง. นายบ่ายมีความผิดฐานพยายามฆ่า แต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะเป็นการยับยั้งเสียเอง นางสายผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายบ่ายรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นางเย็นมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายบ่าย
22. นายหนึ่งต้องการฆ่านายสองจึงไปดักซุ่มยิงนายสอง เมื่อนายสองมาถึงจุดที่นายหนึ่งดักซุ่มอยู่ในระยะห่างประมาณ 20 เมตร นายหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนายสองหลายนัด กระสุนปืนนัดแรกถูกบริเวณคอด้านหน้าขวาและบริเวณชายโครงขวาด้านหน้า ทั้งสองแห่งมีบาดแผลขนาด 0.5 เซนติเมตร ไม่มีความลึก ซึ่งเป็นบาดแผลที่รักษาหายภายใน 7 วัน ทั้งนี้เพราะกระสุนปืนไม่มีความรุนแรงที่จะทำให้นายสองตายได้เพราะอาวุธปืนกำลังอ่อน ปรากฏว่ากระสุนปืนอีกนัดหนึ่งเลยไปถูกนายสามที่ใบหน้าเป็นเหตุให้ดวงตาข้างซ้ายปิดบวมช้ำ ต่อมาอีก 5 วันดวงตาข้างซ้ายนั้นบอดให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด
ข. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายสองและผิดฐานทำร้ายร่างกายนายสามเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสโดยพลาด
ค. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้และผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้โดยพลาด
ง. นายหนึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้และผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด
23. นายเดชตัดเลขหมายประจำแชสซีของรถยนต์โตโยต้าออก แล้วตัดเลขหมายประจำแชสซีของรถยนต์ฮอนด้ามาเชื่อมต่อไว้แทน เอาป้ายทะเบียนรถยนต์ฮอนด้าที่ทางราชการออกให้ไปติดใช้กับรถยนต์โตโยต้าซึ่งป้ายทะเบียนหลุดตกหายไป และเอาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีที่แท้จริงของรถยนต์ฮอนด้าไปติดไว้ที่กระจกหน้ารถยนต์โตโยต้าซึ่งมิได้เสียภาษีรถยนต์ประจำปี แล้วนำรถยนต์โตโยต้าไปใช้งานเพื่อให้คนหลงเชื่อว่ารถยนต์โตโยต้าคันดังกล่าวมีเลขหมายประจำแชสซี หมายเลขป้ายทะเบียนตามที่นายเดชทำและเสียภาษีรถยนต์ประจำปีถูกต้องแล้วให้วินิจฉัยว่า นายเดชมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายเดชไม่มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารและปลอมเอกสารราชการ
ข. นายเดชไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ แต่ผิดฐานใช้เอกสารเท็จ
ค. นายเดชมีความผิดฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ
ง. นายเดชมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารและปลอมเอกสารราชการ
24. นายแก่น นายกล้า และนายเขียววางแผนจะไปปล้นทรัพย์ที่บ้านนายรวยโดยตกลงกันว่า ให้นายแก่นเป็นผู้เข้าไปควบคุมและทำร้ายนายรวย เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ หากขัดขืนก็ให้ฆ่านายรวยได้ คืนต่อมาทั้งสามคนได้เข้าไปในบ้านของนายรวย นายแก่นตามหานายรวยไม่พบ เพราะนายรวยแอบไปอยู่บนหลังคาบ้านเมื่อนายกล้าและนายเขียวเอาทรัพย์ไปจนเป็นที่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะออกจากบริเวณบ้าน สุนัขของนายรวยเห่านายแก่นกับพวก นายแก่นจึงเอาอาวุธมีดที่นำติดตัวไปด้วย ฟันสุนัขของนายรวยตายให้วินิจฉัยว่า นายแก่น นายกล้า และนายเขียวมีความผิดฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. ผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธในเคหสถานและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
ข. ผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ ร่วมกันบุกรุก
ค. ผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกันบุกรุก
ง. ผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธในเคหสถาน,ร่วมกันบุกรุกและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
25. นายมืดแอบเข้าไปลักโคของนายขาวจากฝูงในขณะที่นายขาวเผลอ หลังจากที่นายมืดลักโคไปได้ประมาณ 10 นาที นายขาวทราบจึงออกติดตามไปในทันที อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ตามไปทัน นายมืดใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อไม่ให้นายขาวติดตาม โคของนายขาวตกใจเพราะเสียงปืนจึงวิ่งหนีเข้าไปในป่าบริเวณนั้น ส่วนนายมืดหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง นายขาวตามหาโคอยู่หลายวันแต่ไม่พบ นายเหลี่ยมเพื่อนบ้านจึงหลอกนายขาวว่าตนทราบว่านายมืดนำโคไปซ่อนไว้ ณ ที่ใด หากนายขาวประสงค์จะได้โคคืน จะต้องนำเงินค่าไถ่ไปให้นายมืด 5,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วนายเหลี่ยมไม่ทราบว่าโคอยู่ ณ ที่ใด และไม่เคยรู้จักนายมืด นายขาวหลงเชื่อ จึงมอบเงินให้นายเหลี่ยมไปให้วินิจฉัยว่า นายมืดและนายเหลี่ยมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่(เนติ59)
ก. นายมืดผิดฐานลักทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานเรียกค่าไถ่
ข. นายมืดผิดฐานชิงทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานเรียกค่าไถ่
ค. นายมืดผิดฐานชิงทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานฉ้อโกง
ง. นายมืดผิดฐานชิงทรัพย์ นายเหลี่ยมผิดฐานรับของโจร
26. นายช้างประสงค์จะฆ่านายสิงห์จึงติดต่อนายเสือให้ไปว่าจ้างคนมายิงนายสิงห์ นายเสือไปติดต่อพานายไก่และนายเป็ดมาพบนายช้าง นายช้างมอบอาวุธปืนให้นายไก่และนายเป็ดคนละ 1 กระบอก แล้วพานายเสือ นายไก่ และนายเป็ดไปดูตัวนายสิงห์จนจำได้ เช้าวันรุ่งขึ้น นายไก่และนายเป็ดร่วมกันนำอาวุธปืนที่ได้รับจากนายช้างไปแอบซุ่มยิงนายสิงห์จนถึงแก่ความตายโดยขณะที่นายไก่และนายเป็ดยิงนายสิงห์นั้น นายเสือยืนดูอยู่คนละฝั่งถนนและไม่มีอาวุธติดตัว เมื่อนายไก่และนายเป็ดยิงนายสิงห์แล้ว นายเสือซึ่งชำนาญเส้นทางในบริเวณนั้นวิ่งนำพานายไก่และนายเป็ดหลบหนีไป ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า นายช้าง นายเสือ นายไก่ และนายเป็ด มีความผิดฐานใด (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ นายเสือผิดฐานเป็นผู้ใช้ ไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ข. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ นายเสือผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
ค. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ และเป็นผู้สนับสนุนด้วย นายเสือผิดฐานเป็นผู้ใช้
ง. นายไก่และนายเป็ดผิดฐานร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสิงห์โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายช้างผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษเสมือนเป็นตัวการ นายเสือผิดฐานเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนด้วย
27. นายเดชเป็นปลัดอำเภอได้รับคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอ และได้รับมอบหมายจากนายอำเภอให้รับผิดชอบฝ่ายทะเบียนและบัตร มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งย้ายเข้า แจ้งย้ายออก และทำบัตรประจำตัวประชาชน นายม้งเป็นชาวเขามาติดต่อขอให้นายเดชเพิ่มเติมชื่อนายม้งลงในทะเบียนบ้านของนายไทย กับทำบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่นายม้ง โดยนายม้งจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินแก่นายเดช นายเดชตกลงยอมเพิ่มเติมชื่อนายม้งลงในทะเบียนบ้านของนายไทยฉบับเจ้าบ้านและฉบับอำเภอโดยไม่มีใบแจ้งการย้ายออก นายเดชเป็นผู้กรอกข้อความและลงลายมือชื่อรับรองในเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งทำใบคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาซนและเขียนข้อความลงในเอกสารแบบการให้เลขประจำตัวประชาชนแก่บุคคลที่ได้รับการเพิ่มชื่อ จากนั้นนายเดชได้มอบสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านคืนให้แก่นายไทยเก็บรักษาไว้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการอ้างอิง ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายม้งและนายเดชเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายเดชผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และรับรองหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
ข. นายเดชผิดฐาน ปลอมเอกสารราชการ เป็นเจ้าพนักงานอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และรับรองหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตาม ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
ค. นายเดชผิดฐาน ปลอมเอกสารราชการ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
ง. นายเดชผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และรับรองหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้งและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ป.อาญามาตรา149,161,162(2)(4) นายม้งผิดฐานจะให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้โดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 144
28. นายอาทิตย์รักใคร่ชอบพอกับเด็กหญิงดาราอายุ 14 ปี จึงออกอุบายให้เด็กหญิงดาราบอกบิดามารดาว่าต้องไปโรงเรียนในวันเสาร์เพราะมีกิจกรรมพิเศษแล้วโทรศัพท์นัดพบเด็กหญิงดาราที่ศูนย์การค้า จากนั้นจึงพาเด็กหญิงดาราไปโรงแรมแล้วร่วมประเวณีกันขณะที่นายอาทิตย์กับเด็กหญิงดาราจะออกจากโรงแรม นายจันทร์มาพบเข้าจึงอาสาพาเด็กหญิงดาราไปส่งบ้านตามลำพัง ระหว่างทางนายจันทร์ได้แวะโทรศัพท์ไปที่บ้านของเด็กหญิงดาราแต่ไม่มีผู้รับสาย นายจันทร์จึงพูดฝากข้อความไว้ในเครื่องรับโทรศัพท์อัตโนมัติของบ้านเด็กหญิงดาราว่าเด็กหญิงดาราถูกจับตัวไป หากประสงค์ได้ตัวคืนให้นำเงิน 100,000 บาท ไปไว้ในตู้โทรศัพท์ของศูนย์การค้าตามกำหนดนัด แล้วจะปล่อยตัวไป หลังจากนั้นนายจันทร์ได้พาเด็กหญิงดาราไปรอรับเงินที่บ้านของนายอังคาร โดยนำกุญแจล็อกประตูห้องขังเด็กหญิงดาราไว้ในห้อง นายอังคารช่วยหาอาหารให้เด็กหญิงดารารับประทาน ต่อมานายอังคารเกิดความสงสารเด็กหญิงดาราจึงแอบไขกุญแจเปิดประตูห้องและกระซิบบอกทางกลับบ้านให้ เด็กหญิงดาราจึงหลบหนีมาได้ ให้วินิจฉัยว่า นายอาทิตย์ นายจันทร์และนายอังคาร มีความผิดอาญาฐานใด (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายอาทิตย์ผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร ,กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และฐานเอาตัวเด็กอายยังไม่เกิน 15 ปีไปและหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ข. นายอาทิตย์ผิดฐาน กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และฐานเอาตัวเด็กอายยังไม่เกิน 15 ปีไปและหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ค. นายอาทิตย์ผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และฐานเอาตัวเด็กอายยังไม่เกิน 15 ปีไปและหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ง. นายอาทิตย์ผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร ,กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน นายจันทร์ผิด ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น นายอังคารผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายจันทร์แต่มีเหตุลดหย่อนโทษ ซึ่งศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
29. นายเจียงกับนายชาติเป็นคู่อริกัน นายเจียงสังเกตว่าทุกเช้านายชาติจะขับรถยนต์ไปทำงานโดยผ่านทุ่งนาเปลี่ยวและต้องข้ามสะพานข้ามคลองแห่งเดียวในย่านนั้น นายเจียงจึงวางแผนว่าในวันที่ 1 มิถุนายน 2545 เวลาเช้าจะใช้ปืนยิงนายชาติขณะขับรถยนต์ข้ามสะพานดังกล่าว นายเจียงเล่าแผนการให้นางศรีภริยาฟัง นางศรีไม่ทัดทาน ในเวลาเดียวกันนายเทพซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายเจียงได้แอบล่วงรู้แผนการดังกล่าวและต้องการฆ่านายชาติเช่นกันเมื่อถึงวันที่กำหนดนายชาติขับรถยนต์ไปทำงานตามปกติ นายเจียงขับรถจักรยานยนต์ตามนายชาติไป ขณะที่นายชาติลดความเร็วรถยนต์เพื่อลงสะพาน นายเจียงได้โอกาสจึงยกปืนขึ้นเล็งไปยังนายชาติ นายเทพซึ่งซุ่มอยู่บริเวณคอสะพานห่างจากนายเจียงเพียง 20 เมตร เห็นดังนั้นจึงรีบโทรศัพท์ถึงนายชาติเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นายชาติรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นพูดไม่ทันระวังตัวจึงถูกนายเจียงยิงถูกที่หัวไหล่ได้รับบาดเจ็บ นายเจียงจะยิงซ้ำ แต่กระสุนขัดลำกล้องประกอบกับมีรถแล่นสวนทางมา นายเจียงและนายเทพจึงหลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่า บุคคลใดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (ผู้พิพากษา 45 )
ก. นายเจียงและนายเทพผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนางศรีไม่มีความผิดใด
ข. นายเจียงผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเทพผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายเจียง ส่วนนางศรีผิดฐานไม่แจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานทราบ
ค. นายเจียงผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเทพผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายเจียง ส่วนนางศรีไม่มีความผิดใด
ง. นายเจียงผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเทพผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายเจียง ส่วนนางศรีผิดฐานไม่แจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานทราบ
30. นายดำโกรธแค้นนายขาว ได้ลอบเข้าไปในบ้านนายขาว นายดำไม่เห็นนายขาวแต่ได้ยินเสียงนายขาวกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้าน นายดำจึงใช้ปืนพกขนาด .357 ยิงเข้าไปในบ้านของนายขาว กระสุนปืนทะลุฝาห้องไม้สูงจากพื้น 1 เมตรเศษ ลูกกระสุนปืนไม่ถูกนายขาว แต่กระสุนปืนได้ทะลุฝาห้องอีกด้านหนึ่งไปถูกนายเขียวซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ดังนี้นายดำจะต้องรับผิดทางอาญา ต่อนายขาว และนายเขียวอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายดำผิดฐานพยายามฆ่านายขาว และรับผิดฐานพยายามฆ่านายเขียวโดยพลาด
ข. นายดำผิดฐานพยายามฆ่านายขาว และไม่ต้องรับผิดฐานต่อนายเขียว
ค. นายดำไม่ต้องรับผิดต่อนายขาว แต่รับผิดฐานพยายามฆ่านายเขียวโดยพลาด
ง. ถูกทุกข้อ
31. นางสาวโสภี ใช้อาวุธปืนขู่นายกล้ากับพวกมิให้เอาดินสอพองมาป้ายหน้าตน โดยนางสาวโสภีไม่รู้ว่าปืนนั้นมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ บังเอิญนิ้วมือนางสาวโสภีไปกระทบไกปืน ทำให้กระสุนปืนลั่นถูกนายกล้าถึงแก่ความตาย ดังนี้นางสาวโสภีจะต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ (ราม)
ก. นางสาวโสภีมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ข. นางสาวโสภีมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ได้รับการยกเว้นโทษ
ค. นางสาวโสภีมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ง. นางสาวโสภีไม่มีความผิด เพราะไม่รู้องค์ประกอบของความผิด
32. นายต้นอ้อยุให้นายกอไผ่ทำร้ายนายผักบุ้ง นายผักบุ้งเห็นนายกอไผ่เข้ามาทำร้ายตนจึงเงื้อไม้ขึ้นตีไปที่นายกอไผ่ นายต้นอ้อเห็นนายผักบุ้งกำลังใช้ไม้ตีนายกอไผ่จึงใช้มีดแทงไปที่นายผักบุ้งเพื่อช่วยเหลือนายกอไผ่ ดังนี้ นายต้นอ้อ นายกอไผ่ และนายผักบุ้ง จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่(ราม)
ก. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง โดยอ้างว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นตาม ปอ.มาตรา 67 ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง เป็นการกระทำโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
ข. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นตาม ปอ.มาตรา 67 หรือกระทำโดยป้องกันตาม ปอ.มาตรา 68 ไม่ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง เป็นการกระทำโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
ค. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง โดยอ้างว่าเป็นการกระทำโดยป้องกันตาม ปอ.มาตรา 68 ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง เป็นการกระทำโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
ง. นายต้นอ้อผิดเป็นผู้ใช้ และผิดฐานเจตนากระทำต่อนายผักบุ้ง จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยจำเป็นตาม ปอ.มาตรา 67 หรือกระทำโดยป้องกันตาม ปอ.มาตรา 68 ไม่ได้ นายกอไผ่ รับผิดฐานทำร้ายร่างกาย กรณีนายผักบุ้ง ผิดฐานทะเลาะวิวาท
33. บิดาของบุญชูถูกฆ่าตาย บุญชูต้องการที่จะฆ่าคนที่มาลอบฆ่าบิดาของตนเพื่อแก้แค้น แต่บุญชูไม่ทราบว่าใครเป็นคนฆ่าบิดาของตน สมศรีทราบดีว่าสิงห์เป็นคนฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีจึงมาบอกให้บุญชูทราบ บุญชูทราบความจริงจากสมศรีจึงตามหาสิงห์เพื่อฆ่าให้ตาย แต่บุญชูไม่รู้จักสิงห์ ก้องซึ่งเป็นศัตรูของสิงห์อยากให้สิงห์ถูกฆ่าตาย ก้องจึงแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นใครและอยู่ที่ใด บุญชูทราบจากก้องจึงไปบ้านสิงห์และฆ่าสิงห์ตาย ดังนี้ สมศรีและก้องต้องรับผิดทางอาญาอย่างใด หรือไม่(ราม)
ก. สมศรีไม่มีความผิด ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นผู้สนับสนุนตาม ปอ. มาตรา 86
ข. สมศรีทราบอยู่แล้วว่าบุญชูต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีเป็นผู้สนับสนุนตาม ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นผู้ใช้ตาม ปอ. มาตรา 84
ค. สมศรีทราบอยู่แล้วว่าบุญชูต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีเป็นผู้สนับสนุนตาม ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นตัวการ ตามปอ. มาตรา 83
ง. สมศรีทราบอยู่แล้วว่าบุญชูต้องการจะฆ่าคนที่ฆ่าบิดาของบุญชู สมศรีเป็นผู้สนับสนุนตาม ก้องแอบบอกบุญชูว่าสิงห์เป็นคนไหนและอยู่ที่ใดโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าบุญชูกำลังมาตามฆ่า ก้องเป็นผู้สนับสนุนตาม ปอ. มาตรา 86
34. นายวิทยาเป็นแพทย์ ทราบว่า นายสมเดช เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาล นายวิทยาต้องการฆ่านายสมเดช จึงเอายาพิษไปให้นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลเพื่อไปให้แก่นายสมเดชกิน โดยหลอกนางสาวเพ็ญศรีว่าเป็นยาบำรุงกำลัง นางสาวเพ็ญศรีหลงเชื่อเอาไปให้นายสมเดชกิน แต่นางสาวเพ็ญศรีเข้าใจว่านายวรเดชคือนายสมเดช เพราะในห้องนั้นมีคนไข้หลายคน จึงเอายาพิษซึ่งนางสาวเพ็ญศรีเข้าใจว่าเป็นยาบำรุงกำลังให้นายวรเดชกิน ถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายวิทยาและนางสาวเพ็ญศรี ต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่(ราม)
ก. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลไม่ต้องรับผิดทางอาญาเพราะขาดเจตนาเนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นยาพิษ (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1,3) ส่วนนายวิทยาเป็นผู้กระทำผิดโดยใช้นางสาวเพ็ญศรีเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด ต้องรับผิดเพราะเจตนาทำให้คนตาย (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1, 2) และนายวิทยาจะอ้างว่าไม่มีเจตนาไม่ได้
ข. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลไม่ต้องรับผิดทางอาญาเพราะขาดเจตนาเนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นยาพิษ (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1,3) ส่วนนายวิทยาเป็นผู้ใช้นางสาวเพ็ญศรีกระทำผิด
ค. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลรับผิดทางอาญาฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนนายวิทยาเป็นผู้กระทำผิดโดยใช้นางสาวเพ็ญศรีเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด ต้องรับผิดเพราะเจตนาทำให้คนตาย (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1, 2) และนายวิทยาจะอ้างว่าไม่มีเจตนาไม่ได้
ง. นางสาวเพ็ญศรีพยาบาลรับผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนนายวิทยาเป็นผู้กระทำผิดโดยใช้นางสาวเพ็ญศรีเป็นเครื่องมือในการกระทำผิด ต้องรับผิดเพราะเจตนาทำให้คนตาย (ป.อ.มาตรา 59 วรรค 1, 2) และนายวิทยาจะอ้างว่าไม่มีเจตนาไม่ได้
35. นายสมพงษ์ชักปืนขู่เอาเงินจากนายผ่องและนางแหวนสามีภรรยา นางแหวนร้องเรียกให้นายหวัน ช่วย นายหวันไปช่วยนางแหวนบุตรสาว ขณะนายผ่องบุตรเขยกำลังปล้ำอยู่กับนายสมพงษ์ และนายสมพงษ์ได้ชักมีดออกแทงนายผ่อง นายหวันได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่นายสมพงษ์ แต่ลูกกระสุนปืนไม่ถูกนายสมพงษ์ ได้เลยไปถูกนายผ่องตาย ดังนี้ นายหวันต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายหวันมีความผิดเพราะป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ข. นายหวันมีความผิดฐานฆ่านายผ่องโดยพลาด
ค. นายหวันไม่มีความผิด ป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย
ง. นายหวันไม่มีความผิดเพราะเป็นผลมาจากการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
36. นายอ่องไล่ทำร้ายนายป๋อง นายป๋องวิ่งหนี นายป๋องเห็นเด็กชายแอ๊วบุตรนายอ่องยืนอยู่ จึงเข้าไปจับตัวไว้พร้อมกับบอกนายอ่องว่า ถ้านายอ่องเข้ามาจะบีบคอให้เด็กชายแอ๊วตาย นางอี๊ดมารดาเด็กชายแอ๊ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เห็นนายป๋องจะบีบคอเด็กชายแอ๊ว นางอี๊ดจึงใช้ไม้ตีถูกศีรษะนายป๋องแตก ดังนี้ นางอี๊ด และนายป๋องจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย นางอี๊ดไม่มีความผิด (ป.อ.มาตรา 68) นายป๋องผิดต่อเสรีภาพ
ข. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย นางอี๊ดไม่มีความผิด (ป.อ.มาตรา 68) นายป๋องกระทำความผิดด้วยความจำเป็นเพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง นายป๋องมีความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ (ป.อ.มาตรา 67)
ค. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เกินสมควรแก่เหตุ นายป๋องกระทำความผิดด้วยความจำเป็นเพื่อให้ตนเองพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง นายป๋องมีความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ (ป.อ.มาตรา 67)
ง. นางอี๊ดใช้ไม้ตีศีรษะนายป๋องเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เกินสมควรแก่เหตุ นายป๋องผิดต่อเสรีภาพ
37. นายเทิ้มกับพวกร่วมกันฉุดคร่านางสาวแต๋วเพื่อประโยชน์ของนายเทิ้มที่จะทำอนาจารและ ข่มขืนกระทำชำเรา ในระหว่างที่พานางสาวแต๋วไป นายโตบิดาของนางสาวแต๋ววิ่งตามไปเพื่อขัดขวาง นายเทิ้มจึงสั่งให้นายน้อยพวกของนายเทิ้มใช้อาวุธปืนยิงนายโตถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายเทิ้มต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายเทิ้มรับผิดฐานเป็นตัวการฆ่านายโตเพื่อให้เกิดความสะดวกในการฉุดคร่านางสาวแต๋ว เพราะนายเทิ้มร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ และก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ถือได้ว่านายเทิ้มได้ร่วมกันยิงนายโตด้วย
ข. นายเทิ้มรับผิดฐานเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด รับผิดเช่นตัวการ
ค. นายเทิ้มรับผิดฐานเป็นตัวการฆ่านายโต และเป็นผู้สนับสนุนยิงนายโต
ง. ไม่มีข้อใดถูก
38. นายเดช เป็นนักว่ายน้ำรับจ้างทำหน้าที่เป็นครูสอนว่ายน้ำและดูแลช่วยเหลือผู้มาฝึกว่ายน้ำกับเจ้าของสระว่ายน้ำ วันหนึ่ง ด.ช.ขาวบุตรของนายโทซึ่งเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายเดชมาฝึกหัดว่ายน้ำในสระ ด.ช.ขาวเป็นตะคริวกำลังจะจมน้ำ นายเดชเห็นเหตุการณ์ตลอดแต่อยากให้ ด.ช.ขาวตาย จึงยืนดูอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ ด.ช.ขาวจมน้ำตาย ดังนี้ นายเดช จะต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ (ราม)
ก. นายเดชต้องรับผิดฐานเจตนาฆ่า ด.ช.ขาว โดยการละเว้น
ข. นายเดชต้องรับผิดฐานเจตนาฆ่า ด.ช.ขาว โดยการงดเว้น
ค. นายเดชไม่ต้องรับผิดใดๆ
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
39. นายโชคร้าย กลุ้มใจเนื่องจากถูกไล่ออกจากงานต้องการจะฆ่าตัวตาย ได้ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกชั้นเก้าแล้วโดดลงมาที่พื้นชั้นล่าง ปรากฏว่าในขณะนั้นนายโชคดีเดินผ่านพอดีทำให้กระแทกถูกร่างของนายโชคดีถึงแก่ความตาย ส่วนนายโชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ นายโชคร้ายจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างใดหรือไม่(ราม)
ก. นายโชคร้ายไม่ต้องรับผิดทางอาญาใดๆ
ข. นายโชคร้ายต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำเป็นเหตุให้นายโชคดีถึงแก่ความตายโดยพลาด
ค. นายโชคร้ายต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำเป็นเหตุให้นายโชคดีถึงแก่ความตายโดยสำคัญผิดในตัวบุคคล
ง. นายโชคร้ายต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายโชคดีถึงแก่ความตาย
40. นายเสือต้องการจะฆ่านายฮวด ได้ถือปืนไปคอยดักยิงนายฮวด นายเสือเห็น นายสิงห์บิดาของตนเองเดินมาเข้าใจผิดว่าเป็นนายฮวดจึงใช้ปืนยิงไปลูกกระสุนปืนไม่ถูกนายสิงห์แต่ลูกกระสุนปืนได้กระทบกำแพงเปลี่ยนวิถีกระสุนไปโดนนายเฮงซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ได้รับ บาดเจ็บ ดังนี้ นายเสือจะต้องรับผิดทางอาญาต่อ นายฮวด นายสิงห์ และนายเฮงอย่างใด(ราม)
ก. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 รับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 รับผิดต่อนายฮวด ฐานพยายามฆ่า
ข. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 ในฐานฆ่าบุพการี รับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 ไม่ต้องรับผิดต่อนายฮวด เพราะถือว่าได้กระทำโดยเจตนาต่อนายสิงห์แล้ว
ค. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 รับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 ไม่ต้องรับผิดต่อนายฮวด เพราะถือว่าได้กระทำโดยเจตนาต่อนายสิงห์แล้ว
ง. นายเสือต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายสิงห์ ตามมาตรา 61 ประกอบ 80 แต่ไม่ต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายเฮง ตามมาตรา 60 ประกอบ 80 ไม่ต้องรับผิดต่อนายฮวด เพราะถือว่าได้กระทำโดยเจตนาต่อนายสิงห์แล้ว
41. นายสงบไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะจับกุมนายเสงี่ยม แต่ได้ใช้อาวุธปืนขู่บังคับเพื่อพานายเสงี่ยมไปหาผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากสงสัยว่านายเสงี่ยมจะพยายามลักทรัพย์ระหว่างทางพวกของนายเสงี่ยมเข้าแย่งเอาปืนจากนายสงบไปได้แล้ว นายเสงี่ยมใช้มีดฟันนายสงบตาย ดังนี้ นายเสงี่ยมจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่(ราม)
ก. นายเสงี่ยมผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่อ้างว่าได้กระทำความผิดขณะบันดาลโทสะ ตาม ปอ.มาตรา 72 ได้
ข. นายเสงี่ยมผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่อ้างว่าได้กระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ.มาตรา 69 ได้
ค. นายเสงี่ยมไม่ผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะได้กระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ.มาตรา 68 ได้
ง. นายเสงี่ยมผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่อ้างว่าได้กระทำความผิดด้วยความจำเป็น ตาม ปอ.มาตรา 70 ได้
42. นายสมบอกกับนายสอนว่า ถ้านายสอนไม่ฆ่านายเทิ้ม นายเทิ้มจะมาฆ่านายสอน นายสอนเมื่อทราบเช่นนั้นจึงตกลงใจที่จะฆ่านายเทิ้ม ระหว่างที่นายสอนตามหานายเทิ้มอยู่นั้น นายสอนพบนายเทิ้มแต่นายสอนไม่ทราบว่าเป็นนายเทิ้ม เพราะนายสอนไม่รู้จักว่านายเทิ้มมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร นายเทิ้มเองทราบดีว่า นายสอน ตามหาตนเพื่อจะฆ่า นายเทิ้มจึงชักอาวุธปืนออกจ้องไปที่นายสอน นายสอนเห็นเข้า เข้าใจว่านายเทิ้มจะยิงตนจึงใช้อาวุธปืนยิงถูกนายเทิ้มตาย ดังนี้ นายสมและนายสอนจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ (ราม)
ก. นายสมไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้เพราะการกระทำของนายสอนไม่เป็นความผิด ส่วนนายสอนมีความผิด แต่อ้างได้กระทำไปโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเกินสมควรแก่เหตุ
ข. นายสมต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้ ส่วนนายสอนมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ค. นายสมไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้เพราะการกระทำของนายสอนไม่เป็นความผิด ส่วนนายสอนได้กระทำไปโดยป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ.มาตรา 68 จึงไม่มีความผิด
ง. ถูกทุกข้อ
43. นายดำหลีกเลี่ยงไม่รับหมายเรียกของศาลให้ไปเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนายดำหกเดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ระหว่างที่จำคุกอยู่ นายดำถูกเบิกตัวไปเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องนั้นอีก นายดำได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี นายดำจึงถูกฟ้องในความผิดฐานเบิกความเท็จ และโจทก์ขอให้ศาลเพิ่มโทษนายดำด้วยเพราะนายดำได้กระทำความผิดในระหว่างที่ยังต้องรับโทษอยู่ ดังนี้หากศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกนายดำหนึ่งปีในคดีเบิกความเท็จศาลจะเพิ่มโทษนายดำได้หรือไม่ และถ้าศาลเห็นสมควรรอการลงโทษนายดำศาลจะรอการลงโทษนายดำไว้หรือไม่ (เนติ 40 )
ก. การละเมิดอำนาจศาล เป็นวิธีสบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาของศาล ไม่ใช่การกระทำผิดทางอาญา ศาลจะเพิ่มโทษไม่ได้ แต่รอการลงโทษนายดำได้
ข. การละเมิดอำนาจศาล เป็นวิธีสบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาของศาล ไม่ใช่การกระทำผิดทางอาญา ศาลจะเพิ่มโทษไม่ได้ แต่รอการลงโทษนายดำไม่ได้
ค. ศาลเพิ่มโทษนายดำได้ แต่รอการลงโทษนายดำได้
ง. ศาลเพิ่มโทษนายดำไม่ได้ และรอการลงโทษนายดำไม่ได
44. นายแดงมีความอาฆาตโกรธเคืองนายดำ นายแดงจึงจ้างนายขาวและนายเหลืองให้ไปชกหน้านายดำ นายขาวและนายเหลืองตกลงทำตามโดยนายขาวจะเป็นคนชกนายดำเอง ส่วนนายเหลืองรับหน้าที่ดูต้นทางใกล้ ๆ ต่อมานายขาวและนายเหลืองไปคอยดักซุ่มเพื่อทำร้ายนายดำ เมื่อนายดำเดินผ่านมานายขาวได้ตรงเข้าไปชกหน้านายดำ ปรากฏว่านายดำถูกชกมีผลทำให้ตาซ้ายบวมช้ำ ต่อมาอีกสิบวันตาที่บวมนั้นบอด ดังนี้ ให้วินิจฉัยความรับผิดชอบนายของนายขาว นายเหลือง และนายแดง
ก. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัส ตาม ป.อาญา มาตรา 297 และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษเสมือนตัวการ ตาม ป.อาญา มาตรา 84
ข. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อาญา มาตรา 298 และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษหนึ่งในสาม ตาม ป.อาญา มาตรา 84
ค. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัส ตาม ป.อาญา มาตรา 297และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษเสมือนตัวการ ตาม ป.อาญา มาตรา 84
ง. นายขาว นายเหลือง มีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อาญา มาตรา 298 และนายแดงมีความผิดฐานผู้ใช้รับโทษเสมือนตัวการ ตาม ป.อาญา มาตรา 84
45. นายสิงห์เป็นหัวหน้าคนยามในโรงงานของบริษัทวัฒนา จำกัด นายเสือเป็นคนยามอยู่ในบังคับบัญชานายสิงห์ ปรากฎว่าคืนวันหนึ่งนายเสือไม่ได้อยู่ยามตามหน้าที่ รุ่งขึ้นนายสิงห์สอบถามดูแต่โดยดี นายเสือกลับพูดทำนองไม่ยำเกรงนายสิงห์ซึ่งเป็นหัวหน้า และตรงเข้าเตะต่อยนายสิงห์ทันที นายสิงห์ชกต่อยโต้ตอบไปบ้าง นายเสือเตะต่อยนายสิงห์ล้มลงไปแล้วยืนรอจะทำร้ายนายสิงห์อีก พอนายสิงห์ลุกขึ้น นายเสือได้ใช้มีดแทงนายสิงห์ 2 ที ถูกที่หน้าท้องถึงไส้ไหล ขณะที่นายเสือขยับจะแทงเอาอีก นายสิงห์จึงใช้ปืนยิง 1 นัดในระยะห่าง 1 วา กระสุนพลาดไปถูกนางขาวภรรยานายเสือซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาจะห้ามปราม โดยกระสุนปืนถูกที่หน้าอกถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ นายสิงห์มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายสิงห์มีความผิดฐานพยายามฆ่านายเสือ และฆ่าภรรยานายเสือโดยพลาด
ข. นายสิงห์มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเสือและฆ่าภรรยานายเสือโดยพลาด
ค. นายสิงห์ไม่มีความผิดฐานใด
ง. นายสิงห์และนายเสือมีความผิดฐานทะเลาะวิวาท และร่วมกัน ฆ่าภรรยานายเสือโดยพลาด
46. นายแขกเป็นคนงานก่อสร้าง คืนวันเกิดเหตุนายแขกได้ร่วมกับเพื่อนคนงานอีกหลายคนลักลอบเล่นการพนันไฮโลในเรือนพักชั่วคราวของคนงานก่อสร้าง พลตำรวจเดชกับพวกได้รับแจ้งเรื่องลักลอบเล่นการพนันดังกล่าวจึงได้ไปทำการจับกุม ครั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจกรูเข้าไปในเรือนพักที่มีการเล่นการพนันเพื่อทำการจับกุม นายแขกได้ดับไฟฟ้าในเรือนพักนั้น เป็นเหตุให้ผู้ลักลอบเล่นการพนันต่างหลบหนีจากการจับกุมไปได้ทั้งหมด พลตำรวจเดชได้วิ่งไล่จับนายแขกอย่างไม่ลดละ นายแขกเห็นท่าไม่ดี จึงยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดชมิให้ติดตามจับกุมตนต่อไป ดังนี้ นายแขกจะมีความผิดฐานใดบ้างหรือไม่
ก. การดับไฟฟ้า และยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
ข. การดับไฟฟ้า เพียงแต่ให้ตำรวจทำงานไม่สะดวก นายแขกไม่ผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน แต่การที่นายแขก ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช มีความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
ค. การดับไฟฟ้า และ ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช เป็นเพียงแต่ให้ตำรวจทำงานไม่สะดวก นายแขกไม่ผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน
ง. การดับไฟฟ้า เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงาน แต่การที่นายแขก มีความผิดฐานยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อขู่พลตำรวจเดช ไม่เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงาน
47. นายเอกถูกฟ้องหาว่าฆ่าผู้อื่น นายโทเป็นเพื่อนรักของนายเอกต้องการช่วยเหลือนายเอกให้พ้นคดี จึงเข้าเบิกความเป็นพยานจำเลยโดยอ้างว่าตนเองเป็นนายตรีและเบิกความว่า วันเวลาเกิดเหตุ เห็นนายเอกกำลังดำนาอยู่กับภริยา พยานได้ทักทายพูดคุยกับนายเอกด้วย ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้นเมื่อเบิกความเสร็จแล้วนายโทก็ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกคำให้การพยานว่านายตรีตรงช่องพยาน ดังนี้ นายโทมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสาร , เบิกความเท็จ และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานจดลงในเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
ข. นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานจดลงในเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
ค. นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสาร , เบิกความเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
ง. นายโทมีความผิดฐานเบิกความเท็จ และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานจดลงในเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 264 , 267
48. นายอบกับนายอ้วนชวนนางสาวเอี้ยงไปเที่ยวงานวัด ครั้นถึงที่เปลี่ยวนายอบกับนายอ้วนฉุดนางสาวเอี้ยงเข้าไปที่ป่าข้างทาง นายอบข่มขืนกระทำชำเรานางสาวเอี้ยงจนสำเร็จความใคร่โดยนายอ้วนกอดจูบและจับนางสาวเอี้ยงให้นายอบข่มขืนกระทำชำเรา ขณะที่นายอ้วนถอดเสื้อผ้าจนเหลือกางเกงในตัวเดียว จะลงมือช่มขืนกระทำชำเรานางสาวเอี้ยงต่อจากนายอบ เจ้าพนักงานตำรวจจับคนทั้งสองได้ ดังนี้ นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานใดบ้าง
ก. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังฯ และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตนในลักษณะโทรมหญิงตาม ป.อาญา มาตรา 284 ,276 ,83
ข. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังฯ และนายอบผิดข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ตาม ป.อาญา มาตรา 284 ,276 ,83
ค. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ตาม ป.อาญา มาตรา 276 ,83
ง. นายอบกับนายอ้วนมีความผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังฯ และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ตาม ป.อาญา มาตรา 284 ,276 ,83
49. นายสินทให้นายเสนอเช่าที่นาและโรงนา นายเสนอค้างชำระค่าเช่า 3 ปีติด ๆ กัน นายสนิทต้องการขับไล่นายเสนอออกจากที่นาที่ให้เช่า จึงนำรถไถเข้าไปไถและหว่านข้าวในที่นานั้น ส่วนนายสนมบุตรชายนายสนิทก็ไปยืนหน้าโรงนาห้ามมิให้นายเสนอออกมาจากโรงนาขณะที่นายสนิทไถหว่านข้าวดังกล่าว ดังนี้ นายสนิทและนายสนมจะมีความผิดฐานใดบ้างหรือไม่
ก. นายสนิทและนายสนมมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุก
ข. นายสนิทและนายสนมมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุก , ทำเสียทรัพย์
ค. นายสนิทและนายสนมมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุก , ทำเสียทรัพย์ และหน่วงเหนี่ยวกักขัง
ง. นายสนิทและนายสนมไม่มีความผิด
50. นายเอกมีนางสุดาเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฏหมายอยู่แล้ว ต่อมาได้นางรสรินเป็นภริยาอีกคนหนึ่ง โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน หลังจากนั้นนายเอกไปมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับนางสาวนารีซึ่งเป็นข้าราชการ นางรสรินมีความหึงหวงจึงไปต่อว่านางสาวนารี และว่าจะฟ้องต่อทางราชการให้ลงโทษนางสาวนารีฐานประพฤติตนไม่เหมะสมเป็นการผิดวินัย โดยกล่าวต่อหน้านายพิเศษว่า “คุณเป็นข้าราชการจะมาแย่งผัวฉัน ดูซิว่าจะมีผิดไหม” ดังนี้ นางรสรินจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า
ข. มีความผิดฐาน หมิ่นประมาท
ค. มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า หมิ่นประมาท
ง. ไม่มีความผิด
เฉลย
1. ก 2. ค 3. ค 4. ง 5. ค 6. ก 7. ง 8. ข 9. ก 10. ง
11. ค 12. ก 13. ง 14. ง 15. ก 16. ข 17. ค 18. ข 19. ง 20. ง
21. ข 22. ค 23. ก 24. ง 25. ค 26. ก 27. ง 28. ก 29. ค 30. ก
31. ค 32. ข 33. ง 34. ก 35. ง 36. ข 37. ก 38. ข 39. ง 40. ค
41. ก 42. ค 43. ก 44. ค 45. ค 46. ข 47. ค 48. ง 49. ก 50.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)